คิดดี คิดไม่ดี ๒

 
pirmsombat
วันที่  20 ม.ค. 2557
หมายเลข  24346
อ่าน  1,640

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ แล้วแต่นะคะ อันนี้ต้องละเอียดขึ้นมาอีก ก็ยังคิดว่าคิดเรื่องไม่ดี นี่ประการที่ ๑ แต่เมื่อคิดแล้ว เกิดความสำคัญตนบ้างไหมนี่คะสำคัญที่สุด ที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงธรรมโดยละเอียดว่า มานะเป็นเจตสิกประเภท ๑ ซึ่งยกตนข่มคนอื่นหรือว่าความสำคัญในตัวตนขึ้นมาไม่ใช่ความเห็นผิดนะคะ แต่ความสำคัญตนมี เรานี่คะ ตัวใหญ่ๆ ตัวโตๆ มีได้ใช่ไหม

เพราะฉะนั้น เวลาที่คิดถึงกุศล ก็ยังต้องระวัง โดยที่สติจะต้องระลึกต่อไปว่า ในขณะที่คิดนั้น สำคัญตนไหม บางคนอย่างที่ว่า นะคะ เขาอาจจะมาสรรเสริญเยินยอว่า ท่านผู้นี้กระทำกุศลไว้มาก อย่างนั้นอย่างนี้บางทีเราก็อาจจะอ่านไปถึงใจ ของคนทื่พูดได้อีกว่า พูดทำไม คือทุกอย่างมันออกมาจากใจ ซึ่งเมื่อคนนั้นเจริญสติปัฏฐาน ระลึกสภาพของจิต ก็รู้ว่าจิตประเภทไหน ทำให้วาจาอย่างนี้ออกมาได้ และพร้อมกันนั้นก็ยังระลึกว่า เมื่อได้ยินคำอย่างนี้แล้ว จิตของผู้ฟังเองนั้นรู้สึกอย่างไร พลอยเบิกบาน ฟูขั้น หรือว่าก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว หรือลึกยิ่งไปกว่านั้น คือไม่มีตัวตนเลย

เพราะฉะนั้น การทำกุศล ก็จะบริสุทธ์ขึ้นอีก นอกจากเวลาที่ไม่หวังผล เพราะว่าในตอนต้นๆ มักจะถามกันจริงๆ คนที่ฟังวิทยุใหม่ๆ ทำอย่างนี้เป็นบุญไหม ทำอย่างนั้นได้บุญไหม ห่วงแต่ว่าจะเป็นบุญหรือเปล่า จะได้บุญหรือเปล่า แด่ที่จะทำกุศลจริงๆ ที่บริสุทธิ์จริงๆ คือ ไม่คำนึงถึงว่า ถ้าเราถวายของเก่าที่ใช้แล้ว ชาติหน้าเราจะได้ของเก่าที่ใช้แล้ว นี่คือหวังเพื่อตัวตน ยังมีตัวตนที่ไม่อยากจะได้ของเก่า ไม่อยากได้ของใช้แล้ว ไม่อยากได้ของไม่มีค่า ก็คือตัวตนยังไม่หมด แต่ถึงเป็นของใช้แล้วไม่สะอาด แต่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ล้างขัด เช็ด ถูให้ดีเพื่อเขาจะได้ใช้ประโยชน์ แล้วเราก็ให้เพื่อเขาได้ประโยชน์โดยที่ในขณะนั้น เราไม่คิดหรอกค่ะว่า ชาติหน้า เราจะได้อะไร ไม่มีตัวตนที่จะต้องไปหวัง ตัวเราจะต้องได้ของดีๆ เราจึงจะยอมให้ แต่ถ้าให้ไปแล้ว เราได้ของดีๆ เราจึงจะยอมให้ แต่ถ้าให้ไปแล้ว เราไม่ได้ของดีๆ เราไม่ยอมให้ เพราะอะไรคะก็เพราะตัวตน ไม่อยากจะไดัสิ่งนั้น

เพราะฉะนั้นการให้นี้จึงได้บอกว่า ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ได้คิดว่าเมื่อเราให้เขา เขาก็ให้เรา แต่การให้ที่ดีที่สุดที่ควรจะเป็น คือให้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์และควรให้ไม่สามารถที่จะยับยั้งการให้ได้ ในเมื่อเราเห็นว่าเขาต้องการ และเป็นประโยช์สำหรับเขาก็ให้ไปเถอะ เราจะได้อะไรไม่ต้องคำนึงถึง นี่คือ ละความเป็นตัวตน ที่ว่าเราจะได้ของไม่ดี ใช่ไหมคะ ไม่ต้องมานั่งห่วงตัวเองว่าจะได้อะไร เมื่อเป็นประโยชน์กับใครก็ให้ไปเถอะ แต่ว่าให้ด้วยความเคารพนะคะ สำคัญ ถ้าไม่ให้ด้วยความเคารพเหมือนโยนให้หรือทิ้งให้ หรือถือว่าผู้ที่เราให้เป็นผู้ต่ำกว่า แล้วบางคนให้แล้วยังผูกพัน ว่าเราเป็นผู้ให้เขาเป็นผู้รับ ตอนนี้ก็ต้องมีการปฏิบัติความเคารพซึ่งกันและกัน วุ่นวายต่อไปอีกเยอะแยะ ไม่ใช่กุศลที่เกิดแล้วก็ดับไป ไม่ใช่เรา แต่เป็นผู้กลับไปผูกพัน ว่าเมื่อให้แล้วคนนั้นจะต้องตอบแทนเท่านั้น

(ยังมีต่อครับ)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 20 ม.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณหมอ เป็นอย่างยิ่ง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 20 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pirmsombat
วันที่ 21 ม.ค. 2557

ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณคำปั่นและคุณผเดิมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pirmsombat
วันที่ 21 ม.ค. 2557

สอนให้เราคิดแต่สิ่งดีๆ ไม่คิดสิ่งที่ไม่ดี ไม่ง่ายนะครับ ที่จะประพฤติปฏิบัติตาม กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 21 ม.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 22 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 25 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 27 ม.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ