ฟังพระอภิธรรมพื้นฐานตอนที่ ๓๖๖ ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิการรูป

 
papon
วันที่  26 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24238
อ่าน  1,849

เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน

ร่างกายของบุคคลทั้งร่างเช่นแขนขาเหล่านี้มีวิการรูปเกิดร่วมด้วยใช่หรือไม่อย่างไร และขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยยกตัวอย่างส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่มีวิการรูปเกิดร่วมด้วยในแต่ละกลาปแล้วอย่างคนที่เป็นอัมพาตแขนขวาแสดงว่าแขนข้างไม่มีวิการรูปเกิดร่วมด้วยใช่หรือไม่ ครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

วิการรูป คือ รูปที่ทำให้มีอาการที่ต่าง หรือเปลี่ยนไปจากเดิม หมายถึง อสภาวรูป ๓ รูป คือลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป เป็นอาการเบา อ่อน และควรแก่การงานของสภาวรูป ก็คือ กลุ่มของอวินิพโภครูปนั่นแหละที่เบา อ่อน ควรแก่การงาน จึงทำให้สัตว์บุคคลทำกิจการงานได้สะดวก รู้สึกกระฉับกระเฉง วิการรูปทั้ง ๓ นี้เกิดจากสมุฏฐาน ๓ คือ จิต อุตุ และอาหาร เพราะฉะนั้นถ้าสมุฏฐานใดบกพร่อง วิการรูปที่เกิดจากสมุฏฐานนั้น ก็ไม่มีกำลัง เช่น จิตอ่อนแอ อ่อนเพลียละเหี่ยใจ ก็ทำให้ไม่มีแรง หรืออากาศร้อน หนาวเกินไป ก็ทำให้ร่างกายไม่เบา ไม่อ่อน ไม่ควรแก่การงาน หรือขณะที่รับประทานอาหารที่เป็นพิษ หรือขณะที่หิวมากๆ ร่างกายก็อิดโรย เพราะวิการรูปทั้ง ๓ ไม่เกิด หรือเกิดแต่ไม่มีกำลัง วิการรูปเมื่อเกิด ต้องเกิดพร้อมกันทั้ง ๓ และเกิดเฉพาะในรูปที่เป็นสัตว์บุคคลเท่านั้น ไม่เกิดในรูปที่เป็นสิ่งไม่มีชีวิต

ส่วนผู้ที่เป็นอัมพาตนั้น ก็ไม่มีวิการรูปเกิดขึ้น แม้จะมีจิตที่ต้องการเคลื่อนไหว และปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ครับ มีการไหวไปด้วยอาศัยวาโยธาตุ คือธาตุลมเป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดมาก เพราะ เป็นพระปัญญาตรัสรู้ และ ต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัย ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
papon
วันที่ 26 ธ.ค. 2556

เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน

ทำไมกรรมไม่เป็นสมุฏฐานของวิการรูปครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 26 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรียน ความคิดเห็นที่ 2 ครับ

กรรมไม่ได้เป็นสมุฏฐานให้วิการรูป เพียงเป็นเหตุให้กลุ่มของรูปเกิดขึ้นตามควรแก่กรรม เท่านั้น ไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความเบา ความอ่อน ความควรแก่การงานในกลุ่มของรูปที่เกิดจากกรรมเลย ความเป็นจริงของธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น กรรมเป็นสมุฏฐานให้รูปที่เกิดเพราะกรรมเกิดขึ้นเช่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นต้น เหล่านี้เป็นรูปที่เกิดจากกรรม

ขอยกข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ดังนี้ "ชีวิตประจำวันตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า ไม่ว่าจะพูด หรือว่าไม่ว่าจะแสดงกิริยาอาการต่างๆ ก็ตาม ก็จะต้องเป็นเพราะกลุ่มของรูปซึ่งต้องอาศัยจิตเป็นสมุฏฐาน จึงจะมีการเคลื่อนไหวหรือการพูดได้ เพราะเหตุว่าถ้าเป็นกลุ่มของรูปซึ่งเกิดขึ้นเพราะกรรม ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย จักขุปสาททำอะไรไม่ได้ เป็นแต่เพียงกระทบกับสีสันวัณณะที่ปรากฏทางตาเท่านั้น แต่ไม่มีวิการรูปหรือว่าอะไรที่จะทำให้เกิดความอ่อน ความควรแก่การงานในกลุ่มของรูปเป็นจักขุทสกกลาป แต่การที่สามารถที่จะกลิ้งตา กลอกตาได้ ขณะนั้นก็ต้องเป็นรูปซึ่งเกิดเพราะจิต ซึ่งนอกจากอวินิพโภครูป ๘ ก็ยังต้องมีวิการรูป ๓ รวมอยู่ด้วย จึงจะทำให้มีการเคลื่อนไหวได้"

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 26 ธ.ค. 2556

ขณะที่เป็นอัมพาต ไม่มีวิการรูป ไม่มีรูปที่ควรแก่การงาน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ