ฌาน ๑๖ คือ ?

 
Pure.
วันที่  18 ก.พ. 2556
หมายเลข  22505
อ่าน  12,846

-ดังทราบมาว่า มีสำนักปฏิบัติธรรมแบบสติปัฎฐาน ๔ มีอารมณ์ฌานทั้งหมด ๑๖ ฌาน ถ้าใครผ่านหรือบรรลุได้ก็จัดว่าได้เป็นพระอริยเจ้าชั้นโสดาบันจริงหรือไม่?

-ได้ยินมาว่าถ้าใครจะถึงจุดนั้นได้หรือขั้นสุดท้ายของฌาน ๑๖ จะต้องอธิษฐานดับจิตหรือให้จิตดับเสียก่อนจึงจะบรรลุฌาน ๑๖ จริงหรือไม่?

-ทำไมผู้ที่บรรลุฌาน ๑๖ ถือว่าเป็นพระโสดาบันแล้วอยู่นานไปๆ เขาจะต้องเข้าไปทวนฌานด้วย?

-ตามพระธรรมว่าไว้ผู้ที่เป็นโสดาบันแล้วถือว่าเป็นผู้ไม่หวนกลับคืนมาใช่หรือไม่?

ขอบคุณอนุโมทนาบุญครับ...!


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 18 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็น ครับ

จากประเด็นคำถาม เข้าใจว่า ฌาน ๑๖ นั้น น่าจะเป็น ญาณ ๑๖ ที่เป็นวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ

-ดังทราบมาว่ามีสำนักปฏิบัติธรรมแบบสติปัฎฐาน ๔ มีอารมณ์ฌานทั้งหมด ๑๖ ฌาน ถ้าใครผ่านหรือบรรลุได้ก็จัดว่าได้เป็นพระอริยเจ้าชั้นโสดาบันจริงหรือไม่?

สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก โดยอาศัยพระธรรมคำสอนของพระสัมมสัมพุทธเจ้า มีความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม มีการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อปัญญาเจริญขึ้นไปตามลำดับ เป็นเหตุให้วิปัสสนาญาณขั้นต่างเกิดขึ้น จนกระทั่งถึงมัคคญาณ ผลญาณ สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น แต่ถ้าตั้งต้นไม่ถูก แล้วไปทำอะไรด้วยความเป็นตัวตน ไปปฏิบัติผิด ไปทำด้วยความจดจ้องต้องการ นั่นไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง แม้จะบอกว่าเป็นการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเลย แล้วจะบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้อย่างไร เพราะไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก

-ได้ยินมาว่า ถ้าใครจะถึงจุดนั้นได้หรือขั้นสุดท้ายของฌาน ๑๖ จะต้องอธิษฐานดับจิตหรือให้จิตดับเสียก่อนจึงจะบรรลุฌาน ๑๖ จริงหรือไม่?

ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงของสภาพธรรมไม่เคยเปลี่ยน การที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ที่กำลังปรากฏ เป็นกุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญา มีจิตเกิดขึ้น มีเจตสิกประการต่างๆ เกิดร่วมด้วย ในขณะนั้น ต้องมีสภาพธรรมที่เป็นจิตและเจตสิกธรรมเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้น ทุกขณะของชีวิตก็ไม่พ้นไปจากจิต (รวมทั้งเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ดังนั้น จึงต้องเป็นผู้ที่มีความมั่นคงในพระธรรมคำสอนที่เป็นพระพุทธพจน์ วาจาสัจจะ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงที่ทรงแสดงไว้โดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าใจผิด

-ทำไมผู้ที่บรรลุฌาน ๑๖ ถือว่าเป็นพระโสดาบันแล้วอยู่นานไปๆ เขาจะต้องเข้าไปทวนฌานด้วย?

พระโสดาบัน ไม่ใช่พระอรหันต์ ยังมีกิจที่จะต้องกระทำ คือ อบรมเจริญปัญญา เพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเบื้องสูงขึ้นไป เพราะการดับกิเลส ก็ต้องดับตามลำดับขั้น เป็นพระโสดาบันแล้ว ยังมีกิเลสที่จะต้องดับอีก ปัญญาก็ต้องรู้ชัดเพิ่มขึ้น ก็ต้องจะผ่านวิปัสสนาญาณแต่ละขั้น จนถึงความเป็นพระสกทาคามี สามารถยังกิเลสอย่างอื่นให้เบาบางต่อไป ต่อไป จนถึงพระอนาคามี จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์

เพราะฉะนั้น ก็ต้องเจริญสติปัฏฐานและมีวิปัสสนาญาณเกิดอีก เพื่อเจริญปัญญาคมกล้าขึ้น คงจะไม่ใช่การทวนญาณ แต่เป็นการอบรมเจริญปัญญายิ่งขึ้น จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ไม่ต้องมีกิจที่จะต้องกระทำอีก ไม่มีกิจที่จะต้องอบรมเจริญปัญญาที่จะดับกิเลสอีก เพราะเหตุว่ากิเลสดับหมดสิ้นแล้วนั่นเอง

-ตามพระธรรมว่าไว้ ผู้ที่เป็นโสดาบันแล้วถือว่าเป็นผู้ไม่หวนกลับคืนมาใช่หรือไม่?

พระโสดาบันเป็นผู้ไม่มีความตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้มีศรัทธาที่มั่นคงในพระรัตนตรัย เป็นผู้ปิดประตูอบายได้แล้ว ไม่ตกไปสู่ภูมิที่ต่ำคืออบายภูมิอีกต่อไป และที่สำคัญ เป็นผู้ที่แน่นอนว่าว่าจะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระอริยบุคคลเบื้องสูงขึ้นไป คือ เป็นพระสกทาคามี เป็นพระอนาคามี และ เป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นในที่สุด และถ้าเป็นเพศบรรพชิตที่สละอาคารบ้านเรือนออกบวชแล้ว อบรมเจริญปัญญา เจริญสติปัฏฐาน จนกระทั้ง ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระโสดาบันแล้ว ท่านก็จะไม่หวนกลับมาสู่เพศคฤหัสถ์อีก เพราะโดยเป็นผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน ย่อมเป็นผู้มีจิตใจน้อมไปในความเป็นผู้สงัดจากกิเลสทั้งหลาย การที่ท่านเหล่านั้นจะหวนกลับมาครองเพศเป็นคฤหัสถ์อีกนั้นย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 18 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1.ดังทราบมาว่า มีสำนักปฏิบัติธรรมแบบสติปัฎฐาน ๔ มีอารมณ์ฌานทั้งหมด ๑๖ ฌาน ถ้าใครผ่านหรือบรรลุได้ก็จัดว่าได้เป็นพระอริยเจ้าชั้นโสดาบันจริงหรือไม่?

- การบรรลุธรรม สำคัญที่ปัญญาเป็นสำคัญ แต่ปัญญาก็มีหลายระดับ ปัญญาขั้นการฟัง ปัญญาที่เชื่อกรรมและผลของกรรม ปัญญาขั้นสมถภาวนา และ ปัญญาในระดับวิปัสสนา

ปัญญา คือ ความเห็นถูกตามความเป็นจริง ที่จะถึงการดับกิเลสได้ คือ ปัญญาที่เป็นวิปัสสนา คือ การรู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา อันเป็นการเจริญสติปัฏฐาน หรือ อริยมรรค ซึ่งจะต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ เป็นพื้นฐานที่สำคัญ คือ มีสัมมาทิฏฐิเป็นเบื้องต้น เมื่อปัญญาขั้นการฟังมากขึ้น ก็จะทำให้ถึงปัญญาที่ระดับระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรม ไม่ใช่เรา กล่าวง่ายๆ คือ สติและปัญญาเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ และ เมื่อเกิดสติปัฏฐานบ่อยๆ ปัญญามีกำลังแก่กล้า ย่อมถึงปัญญาระดับสูงที่เรียกว่า วิปัสสนาญาณ แต่ไม่ใช่ถึงฌาน ซึ่งการถึงการดับกิเลสได้ต้องผ่านญาณ ๑๖ ขั้น ไม่ใช่ ฌาน ๑๖ ขั้น

ญาณปัญญาที่เป็นวิปัสสนาญาณแต่ละขั้น ก็จะต้องค่อยๆ เจริญตามลำดับ ผ่านไปแต่ละขั้น แต่ต้องอบรมยาวนาน จนถึงญาณที่ ๑๖ ก็จะถึงความเป็นพระโสดาบัน ดับกิเลสได้บางอย่างจนหมดสิ้น ครับ

ส่วน ฌาน หมายถึง เพ่ง เผา สภาพธรรมที่เป็นข้าศึก เมื่อพูดถึงฌาน โดยทั่วไป ก็คือ การเจริญความสงบ ที่เป็นความสงบจากกิเลสชั่วคราว จนจิตตั้งมั่น ได้ฌาน แต่ฌานไม่สามารถดับกิเลสได้ เปรียบเหมือนก้อนหินทับหญ้า หญ้าก็โตขึ้นอีกได้หญ้าไม่ได้ตาย ครับ ดังนั้น (ฌาน จึงมีฌาน ๘ ไม่ใช่ ฌาน ๑๖ ซึ่งเกิดจากการอบรมปัญญาคนละระดับขั้น ที่เป็นปัญญาขั้นสมถภาวนา แต่ แม้ได้ฌานสูงสุด ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ ครับ

2.ได้ยินมาว่า ถ้าใครจะถึงจุดนั้นได้ หรือขั้นสุดท้ายของฌาน ๑๖ จะต้องอธิษฐานดับจิต หรือให้จิตดับเสียก่อน จึงจะบรรลุฌาน ๑๖ จริงหรือไม่?

- การจะถึงฌาน ๘ จะต้องอบรมสมถภาวนาจนถึงขั้นสูงสุด ด้วยการเจริญสมถภาวนา แต่ ไม่ใช่ด้วยการดับจิต อธิษฐานจิต เพราะ การถึงความสงบจากกิเลสชั่วคราว แต่ยังไม่ได้ดับกิเลส ไม่ได้เกิดจากการคิด อธิษฐาน แต่เกิดจากการมีปัญญา เข้าใจถูก เป็นเบื้องต้น และ อบรมสมถภาวนาเป็นขั้นๆ อันมีพื้นฐาน คือ ความเห็นถูก เป็นสำคัญ ครับ

ส่วน ญาณ ๑๖ เกิดจากการอบรมปัญญา ที่เป็นเรื่องสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ โดยเข้าใจขั้นการฟังว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมไม่ใช่เรา ซึ่ง ก็จะเกิดจาการฟัง ไม่ได้เกิดจากการอธิษฐานจิต ดับจิตแต่อย่างไร ครับ

3.ทำไมผู้ที่บรรลุฌาน ๑๖ ถือว่าเป็นพระโสดาบันแล้วอยู่นานไปๆ เขาจะต้องเข้าไปทวนฌานด้วย?

- ผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ย่อมทราบหนทางที่ถูกต้องแล้วว่าจะเดินอย่างไร ด้วยการเจริญวิปัสสนา ไม่ใช่ด้วยการเจริญฌาน ซึ่ง การเจริญวิปัสสนา ก็จะต้องผ่าน ญาน ๑๖ ขั้นไปตามลำดับ เพื่อความมั่นคงของการเจริญปัญญาที่จะมากขึ้น ครับ

ส่วนผู้ที่เป็นพระโสดาบัน ก็สามารถได้ฌานด้วย คือ มีการเจริญสมถภาวนาได้ด้วย สำหรับผู้ที่สะสมอุปนิสัยมา และ ก็สามารถเข้าฌานได้ ตามสมควรแก่ปัจจัยและโอกาส ครับ

4.ตามพระธรรมว่าไว้ ผู้ที่เป็นโสดาบันแล้วถือว่าเป็นผู้ไม่หวนกลับคืนมาใช่หรือไม่?

- ถูกต้องครับ แต่การไม่หวนกลับมา มีหลายอย่างดังต่อไปนี้

1.ไม่หวนกับมาสู่ความเป็นปุถุชน เพราะ ถึงความเป็นพระอริยะ ประเสริฐแล้วด้วยปัญญา

2.ไม่หวนกลับมาสู่กิเลสที่ดับไปแล้ว คือ กิเลสอะไรที่ดับไปแล้ว กิเลสเหล่านั้นก็จะไม่หวนกลับมาอีกเลย

3.ไม่หวนกลับมาสู่ทุคติภูมิ ภูมิที่ต่ำ ตามความเป็นจริง เมื่อยังเป็นปุถุชน คติเกิดในภพหน้า ภพต่อไปไม่แน่นอน ยังไปอบายภูมิ มี นรก เป็นต้นได้ แต่เมื่อเป็นพระโสดาบันแล้ว มีสุคติเป็นที่หวังได้ ไม่กลับมาสู่อบายภูมิอีก จึงเป็นผู้ไม่หวนกลับมาสู่ภพภูมิที่ต่ำ ครับ

4.เป็นผู้ไม่หวนกลับมาสู่คุณธรรมที่ต่ำ คือ เมื่อมีปัญญาถึงความเป็นพระโสดาบัน ปัญญาที่ประจักษ์พระนิพพานเป็นโลกุตตรปัญญานั้น ย่อมเจริญขึ้น ไม่เสื่อมไปสู่ที่ต่ำ และ คุณธรรมอื่นๆ มี ศรัทธา และ สติ เป็นต้น ก็เจริญเพิ่มขึ้น ไม่หวนกลับมาสู่คุณธรรมที่ต่ำลงไป ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
นิรมิต
วันที่ 19 ก.พ. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อาจารย์ผเดิม และทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Pure.
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอบคุณครับอาจารย์ที่ได้ให้ความสว่างเรื่องฌาน ๘ และญาณ ๑๖ ครับ

อนุโมทนาสาธุบุญ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ