ธรรมจากอยุธยา

 
kanchana.c
วันที่  28 ม.ค. 2556
หมายเลข  22408
อ่าน  1,860

ธรรมจากอยุธยา

๒๖ ม.ค. ๒๕๕๖

สนทนาธรรมที่อยุธยา

การสนทนาธรรมในวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายของกลุ่มศึกษาธรรม (Dhamma Study Group) จากต่างประเทศในการสนทนาธรรมสัญจรที่เมืองไทยในปีนี้ (มกราคม ๒๕๕๖ ปีหน้าก็จะมีอีกในเดือนมกราคมเช่นกัน) ซึ่งเริ่มต้นจากหัวหิน ซาฟารีเวิลด์ วังน้ำเขียว ล่องเรือไปชมเกาะเกร็ด แก่งกระจาน และจบลงที่อยุธยา (เท่าที่ทราบ ถ้ามีที่อื่นอีก ก็ขออภัยที่ไม่ทราบค่ะ)

สถานที่เหล่านี้เป็นเพียงฉากหลังของการแสดงที่สำคัญของทุกท่านผู้มีศรัทธาจะเข้าใจความจริงจึงเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ โดยมีท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นศูนย์กลางของทุกคน เพราะความเข้าใจพระธรรมอย่างลึกซึ้งของท่าน ทำให้การสนทนาธรรมแต่ละขณะที่ผ่านไปมีคุณค่าน่าจดจำอย่างยิ่ง หลายท่านที่เข้าถึงความลึกซึ้งนั้นจึงไม่สนใจจะไปเที่ยวชมอะไรเลย อยากฟังธรรมอย่างเดียว เพราะความปีติซาบซึ้งที่เกิดจากความเข้าใจพระธรรมนั้น แม้จะเกิดทีละเล็กละน้อยก็ทำให้เกิดความสุข ชุ่มชื่นใจ เทียบไม่ได้เลยกับการได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก หรือสิ่งที่ปรากฏ ทางตาที่ชาวโลกยกย่องว่า เป็นมรดกโลกทั้งหลาย เพราะเห็นแล้วก็ลืมอย่างรวดเร็ว เหลือแต่สัญญา ความจำซึ่งก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นจริงๆ และความติดข้อง ซึ่งติดตามมามากมาย ถ้าชอบมาก ติดข้องมากก็เหมือนกับแบกมรดกโลกนั้นติดตามไป ด้วย ไม่ทำให้เกิดความเบาสบายเหมือนได้เข้าใจพระธรรมเลย

แต่อย่างไรก็ตาม เทียบกับตัวเองว่า ไปที่ไหน ก็อยากได้ดูได้ชมสิ่งสำคัญของบ้านเมืองนั้น (แสดงให้เห็นว่า ยังไม่มั่นคงในการฟังพระธรรม เหมือนคุณซาราห์และ

คุณโจนาธาน เป็นต้น) จึงอยากพาสหายธรรมจากแดนไกลไปเยี่ยมชมบ้านเกิดอยุธยา เมืองหลวงเก่า ที่ภูมิใจอยากให้แขกบ้านแขกเมืองที่มีศรัทธาในการศึกษาพระธรรมเหมือนกัน (อันนี้สำคัญมาก เพราะแม้ที่เมืองไทยจะหาเพื่อนหรือญาติที่สนใจศึกษา พระธรรมเหมือนกันก็ยังยาก แต่นี่อยู่คนละมุมโลก คิดดู จะไม่น่าอัศจรรย์ใจได้อย่างไร) ได้ กราบเรียนให้ท่านอาจารย์ทราบตั้งแต่ที่อินเดียว่า ขอเป็นเจ้าภาพพาสหายธรรม ชาวต่างประเทศไปเยี่ยมชมอยุธยาสัก ๑ วัน ซึ่งท่านก็กำหนดเป็นรายการสุดท้ายของ ธรรมสัญจรครั้งนี้ เพราะบอกช้ากว่าคนอื่น (ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา นั้น มีแต่ผู้มีศรัทธาต้องการเจริญกุศลทุกประการ บางครั้งถึงกับแย่งกันอย่างสันติ ไม่อย่างนั้นไม่ได้ทำ ดีใจที่ได้มาอยู่ในกลุ่มผู้ใจบุญเช่นนี้จริงๆ ค่ะ และเป็นตัวอย่างใน การเจริญกุศลของตัวเองด้วย ทำให้สละง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ หรือแรงกายเท่าที่ สามารถ)

เพราะเป็นรายการสุดท้าย จึงมีสหายธรรมต่างชาติหลายท่านกลับไปแล้ว โดยเฉพาะคุณนีน่า วัน กอร์คอม ผู้เขียนหนังสือธรรมของมูลนิธิฯ หลายเล่ม ที่สามีของท่าน คือท่านทูต ลอดเดอเวจ ชาวเนเธอร์แลนด์ ชื่นชอบบ้านไทยโบราณริมแม่น้ำเจ้าพระยามาก (เสียดายที่ท่านเสียชีวิตไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้) แต่ก็ยังมีสหายธรรมใหม่ๆ อีกหลาย ท่านที่ยังไม่เคยไป เดิมตั้งใจว่าจะสนทนาธรรมในช่วงเช้า และภาคบ่ายจะพาชมโบราณสถานที่สำคัญต่างๆ แต่ท่านอาจารย์บอกว่า คุณซาราห์ขอสนทนาธรรมต่อในตอนบ่าย จึงจะต้องเปลี่ยนรายการไป

เจ้าภาพกราบท่านอาจารย์

น้องเบญจวรรณ เจ้าภาพร่วม กราบท่านอาจารย์

อย่างที่บอกว่า มูลนิธิฯ มีผู้ใจบุญต้องการเจริญกุศลมาก เมื่อมีผู้ทราบว่า เรา ขอเป็นเจ้าภาพอาหารและสถานที่จัดสนทนาธรรม น้องเบญจวรรณ รัศมีสุวรรณกุศล ก็ ขอเป็นเจ้าภาพร่วมด้วย จึงได้เชิญเพื่อนๆ สหายธรรมที่สนใจไปเพิ่ม และหลายท่าน ไม่พูดภาษาอังกฤษ จะให้ไปนั่งฟังภาคภาษาอังกฤษก็คงไม่เกิดประโยชน์ จึงเปิดอีก ห้องหนึ่งสนทนาภาษาไทย เพราะติดพันมาจากอินเดียที่มีคำถามที่ยังตอบไม่หมด ระหว่างการเดินทางในรถบัสร่วมกัน ๑๐ วัน คนใกล้ตัวจึงเป็นผู้นำการสนทนาภาค ภาษาไทย เพื่อให้ (อย่างน้อยตัวเอง) เกิดความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยและมั่นคงใน การศึกษาพระธรรมมากขึ้น (ได้กราบเรียนให้ท่านอาจารย์ทราบแล้วว่า ขออนุญาตเล่า เรื่องราวของธรรมและท่านก็อนุโมทนาที่ช่วยกันเผยแพร่)

คุณแก้วตา อเนกพุฒิ มหาอุบาสิกาท่านหนึ่งของมูลนิธิฯ เป็นคนรับท่านอาจารย์และพี่จี๊ดมาที่โรงแรมอยุธยาแกรนด์ของคุณหมออาคม – คุณจิราพร ภิรมย์พา นิช ถึงประมาณ ๙ โมงกว่า ซึ่งคณะชาวต่างชาติมาถึงก่อนประมาณ 5 นาที คิดว่าจะให้ ท่านอาจารย์ได้พักผ่อนก่อน แต่เมื่อท่านเข้าห้องสนทนาธรรม ก็ถูกรุมล้อมซักถาม ปัญหาต่างๆ ทันที (แม้เจ้าภาพจะนำพวงมาลัยเข้าไปกราบก็ยังยาก) จึงต้องเริ่มการ สนทนาทันที ไม่ต้องรอเวลา ๑๐ โมงตามกำหนดการเลย

หลังจากนั้นก็เป็นการสนทนาซักถามปัญหาต่างๆ อย่างเข้มข้น เพื่อนร่วมรุ่นตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนประตูชัย อยุธยา ท่านเมตตา บันเทิงสุข อดีตรองปลัดกระทรวงพลังงาน บังเอิญได้เข้าไปร่วมฟังด้วย บอกว่าไม่มีคนไทยกล้าถามปัญหาตรงๆ อย่างนี้ และท่านอาจารย์ก็ตอบปัญหาได้ชัดเจนมากทำให้เข้าใจทันที ท่านอดีตรองปลัดบอกว่า หาคนที่สามารถพูดให้เข้าใจธรรมอย่างนี้มานานแล้ว เพิ่งได้พบ เพราะเคยพบ แต่คนพูดให้รู้เรื่องราวของธรรม สาธุค่ะ ท่านรองปลัด หวังว่าจะได้พบท่านที่มูลนิธิฯ ในเร็วๆ นี้นะคะ

หลังอาหารกลางวัน หลายท่านรวมกลุ่มสนทนาธรรมกันทันที (ดีใจด้วยค่ะ ที่ เริ่มเข้าใจธรรมแล้ว ทำให้เกิดความเบาสบายเมื่อได้ฟัง) ตอนนี้ท่านอาจารย์ได้พักผ่อน ในห้องพัก คุณนวลวรรณนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ มานวดอาจารย์ได้ทันเวลาพอดี ส่วนเรา ไม่ได้เจริญกุศลในการฟังพระธรรมเลย ก็ต้องแล้วแต่เหตุปัจจัย ได้แต่เจริญเวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยเหลือกิจของคนอื่นให้สำเร็จ เพราะต้องพาสหายธรรมทั้ง ไทยและต่างประเทศบางท่านไปชมโบราณสถาน วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งปิดไม่ให้เข้า เพราะกำลังซ่อมแซมใหญ่หลังถูกน้ำท่วมนานนับเดือนเมื่อปีที่แล้ว ได้แต่ยืนชมอยู่ข้าง นอก แต่ก็ได้เก็บภาพกลุ่มเจดีย์ที่มีรูปทรงสวยงาม พาชมรอบๆ เมืองทางหน้าต่างรถ ผ่านวัดโลกยสุธา ที่มีพระนอนใหญ่ และวนดูวัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ ไม่ได้แวะดูที่ ไหนอีก เพราะเวลาจำกัด ให้ดูพอเป็นตัวอย่าง แวะที่บ้านทรงไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดูท่าน้ำ รับประทานน้ำเย็น แล้วรีบกลับไปสนทนาธรรมต่อที่โรงแรม แต่เดี๋ยวนี้อยุธยา รถก็ติดมาก โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ ทำให้ผิดแผนที่วางไว้หมดเลย

สนทนาธรรมต่อจนถึง ๔ โมงเย็น ถ่ายรูปร่วมกัน แล้วต่างคนแยกย้ายกันกลับ ด้วยความอิ่มเอมใจในกุศลที่ได้กระทำแล้ว ที่ได้สะสมอยู่ในจิตขณะต่อๆ ไป

มีผู้ร่วมเจริญกุศลในครั้งนี้อีกหลายท่าน เช่น คุณน้อย พัทนารี นำขนมไทยห่อใบตองสวยงาม มาเป็นอาหารว่าง คุณขาว เกรียงศักดิ์ นำขนมจีนน้ำพริก เจ้าอร่อย มาร่วมด้วย น้องวันชัย ภู่งาม แม้จะมีธุระต้องเดินทางไปเชียงใหม่ ก็ยังอุตส่าห์แวะมาถ่ายภาพให้ แล้วก็เดินทางต่อ ไม่ยอมรับประทานอาหารกลางวันด้วย คุณหมออาคมและภรรยาที่เป็นเจ้าภาพน้ำชา กาแฟ และห้องพักของท่านอาจารย์ตอนบ่าย คุณอนุทิน และคุณเล็ก จิราพร มหาอุบาสก อุบาสิกาอีกคู่หนึ่งของมูลนิธิฯ นำเสื้อ หนังสือ ซีดีที่ ซื้อจากมูลนิธิมาแจกอีกเหมือนกัน และทุกท่านที่ร่วมเดินทางมาสนทนาธรรมในครั้งนี้ ขอบคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ขอให้เจริญในกุศลยิ่งๆ ขึ้นไป

ที่สำคัญที่สุดขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ทำให้เข้าใจพระธรรมยิ่งขึ้นแม้จะทีละน้อย แต่ก็มั่นคงในหนทางนี้ (คือหนทางที่ต้องศึกษาพระธรรมเพิ่มขึ้น เพื่อให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น) จนเป็นปัจจัยทำให้อริยทรัยพ์ ทรัพย์อันประเสริฐเจริญขึ้น คือ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ และปัญญา ซึ่งจะเกื้อกูล เป็นเกาะ เป็นที่พึ่งตลอดไปจนกว่าถึงที่สุดแห่งทุกข์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
panasda
วันที่ 28 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Boonyavee
วันที่ 28 ม.ค. 2556

ไม่มีการให้ใดยิ่งกว่าการให้ธรรม และการได้เข้าใจพระธรรมนำมาซึ่งสิ่งที่ประเสิรฐที่สุด คือ ปัญญา ขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์และขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 28 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.สงบ - อ. กาญจนา เชื้อทอง และทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nopwong
วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
siraya
วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงและ อาจารย์สงบ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงและท่านอาจารย์สงบ รวมถึงท่านผู้ที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลต่อการสนทนาธรรมทุกๆ ท่านด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 30 ม.ค. 2556

อนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 30 ม.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Jans
วันที่ 30 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
paderm
วันที่ 30 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
raynu.p
วันที่ 31 ม.ค. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ