ร่วมพิธีถวายพระรัตนบุษยภาชน์อโศกมหาราชปริวรรต 3

 
kanchana.c
วันที่  18 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22197
อ่าน  2,142

สู่อาณาจักรแห่งการประดิษฐานพระพุทธศาสนา

24 พ.ย. 55

ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อเตรียมไปกรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธในครั้งอดีต ที่เคยรุ่งเรือง มีพระเจ้าพิมพิสารเป็นกษัตริย์ปกครอง วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องเดินทางไกล หลังจากเป็นทัวร์คุณหญิง นั่งเครื่องบินมา 2 วัน ทุกคนที่เดินทางมานมัสการสังเวชนีย สถานที่อินเดียเพราะต้องการเจริญกุศลทุกประการ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ชวนกันทำกุศล ตั้งแต่เช้า (สำหรับรถคันที่ 2) ด้วยการสวดสรรเสริญพระรัตนตรัยไปบนรถ และหลัง จากนั้นคนใกล้ตัวก็บรรยายถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่ต่างๆ ในพุทธคยา ที่ไปเห็น เมื่อคืนนี้ และสถานที่ต่างๆ ในราชคฤห์ที่กำลังจะไปดูในวันนี้ เพราะหลายท่านเพิ่งมา เป็นครั้งแรก และอีกหลายท่านมาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่ทราบประวัติความเป็นมา คน ใกล้ตัวค้นข้อมูลจากพุทธประวัติ ปฐมสมโพธิกถา และเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง อินเดีย ... แดนพุทธภูมิ เขียนโดย สาวิกา ศาสตรพงศ์ ที่เขียนไว้ตั้งแต่ปี 52 ท่านตั้งใจ บรรยายให้ผู้มานมัสการได้ทราบพุทธประวัติและความเป็นไปของสถานที่เหล่านี้ เพื่อให้ เกิดศรัทธามากขึ้น เพื่อเป็นพุทธบูชา และเมื่อได้ฟังท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยายตอนหนึ่งว่า พระธรรมเป็นสิ่งที่มีค่ามาก เพราะเป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระผู้มี พระภาคซึ่งทรงบำเพ็ญพระบารมีถึง 4 อสงไขยแสนกัป ทรงมอบให้เป็นมรดกแก่พุทธ บริษัท โดยพระอริยสงฆ์ได้สืบทอดมาจนถึงเราในยุคนี้ จึงควรที่จะต้องศึกษาและ สาธยาย คือ ท่องด้วยการเรียงลำดับด้วยดี คนใกล้ตัวจึงท่องเพื่อกันลืมในระหว่างอพยพ หนีน้ำท่วมเกือบ 2 เดือน เมื่อปีที่แล้ว (ต.ค. – ธ.ค. 54) และท่องต่อมาจนถึงทุกวันนี้

เพราะแม้แต่รู้หัวข้อธรรม รู้เรื่องราวของธรรมก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อเป็นปัจจัยให้ ประจักษ์ตัวจริงของสภาพธรรมในวันหนึ่ง ท่านจึงบรรยายได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และ ไม่สนใจว่าใครจะฟังหรือไม่ด้วย แม้ว่าคนนั่งใกล้จะหลับก่อนเพื่อนก็ตาม และลูกน้อง ของท่าน คุณยุพาพร วิเวก ที่ติดตามไปด้วยมาบอกว่า ไม่ต้องบรรยายตลอดเวลาก็ได้ เพราะคนฟังหลับเกือบทั้งรถแล้ว แต่ท่านก็ไม่ท้อถอย เพราะเตรียมข้อมูลมามาก ต้อง ระบายออกให้หมด ซึ่งก็เป็นประโยชน์มาก เพราะหลังจากนั้นก็มีผู้สอบถามปัญหาเกี่ยว กับเรื่องที่ท่านพูดมากมาย (รวมทั้งที่ตอนที่พูดผิด หรือตกหล่นด้วย แสดงว่าฟังจริง) ที่ คิดว่าหลับนั้น จริงๆ แล้วหลับตาฟังด้วยความตั้งใจต่างหาก (สำหรับบางท่าน) นั่งรถไปประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงราชคฤห์ ปัญจคีรีนคร เมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขา 5 ลูก จุดหมายแรกที่แวะชมก็คือ เขาคิชกูฏ ที่ตั้งของพระคันธกุฎี ที่ประทับของพระผู้มีพระภาค ในพรรษาที่ 2

มีหลายท่านนั่งเสลี่ยงขึ้นเขา ซึ่งราคาเพิ่มเป็น 1,200 รูปีแล้ว (ปีที่แล้ว800 รูปี) เรา ยังแข็งแรงเพียงเช่าไม้เท้า 10 รูปี ไว้ยันตัวเวลาลงเขาก็พอแล้ว

ประวัติความเป็นไปมา และความสำคัญของสถานที่ต่างๆ ในกรุงราชคฤห์นั้น อ่านได้ ใน อินเดีย ... แดนพุทธภูมิ

สถานที่ต่างๆ ในกรุงราชคฤห์ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกนั้น เคยรุ่งเรืองในอดีต มีผู้คน เกลื่อนกล่น นับสิบๆ ล้าน พระผู้มีพระภาคจึงทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้ตั้งมั่นที่ นี่ก่อน หลังจากที่ทรงแสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสีแล้ว ทรง ส่งพระอรหันตสาวก 60 รูป ออกเผยแพร่พระพุทธศาสนา ส่วนพระองค์เองเสด็จมาโปรด ชฎิล 3 พี่น้องพร้อมด้วยบริวาร 1000 รูป ผู้บูชาไฟ ที่คยาสีสะ และเสด็จไปกรุงราชคฤห์ ทรงแสดงธรรมท่ามกลางมหาชน พระเจ้าพิมพิสารพร้อมบริวารนับแสนบรรลุคุณธรรม เป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ แม้กระนั้นพระเจ้าพิมพิสารก็ยังไม่ทรงสละราชสมบัติออก บวช เพราะท่านไม่ได้สะสมอัธยาศัยในการสละบ้านเรือน ท่านยังทรงปฏิบัติภารกิจ ปกครองประเทศต่อไปด้วยทศพิธราชธรรม เพราะท่านเป็นพระโสดาบันแล้ว ย่อมไม่ทำ ทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจอีกแล้ว

จะเห็นว่า บุคคลมีอัธยาศัยแตกต่างกันไปตามการสะสม พระสหายที่ไม่เคยเห็นกัน ของพระเจ้าพิมพิสารที่เป็นกษัตริย์เหมือนกัน คือ พระเจ้าปุกกุสาตินั้น เมื่อได้รับพระราช สารสรรเสริญพระรัตนตรัยจากพระเจ้าพิมพิสารแล้ว ก็ทรงปีติอย่างยิ่ง เสด็จออกบวช ทันที และเสด็จดำเนินด้วยพระบาทเปล่ามาถึงกรุงราชคฤห์ เพราะเข้าใจว่า พระผู้มีพระ ภาคประทับอยู่ที่นี่ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูด้วยพระญาณในตอนเช้า ก็เสด็จมา โปรดที่โรงช่างหม้อโดยที่พระเจ้าปุกกุสาติไม่ทรงทราบเลย พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ธาตุวิภังค์ พระเจ้าปุกกุสาติบรรลุเป็นพระอนาคามี และทรงทราบว่าเป็นพระพุทธเจ้า ทรงขอบวช แต่เพราะไม่มีบาตรจีวร จึงไปแสวงหาบาตรจีวร แล้วถูกวัวแม่ลูกอ่อนขวิด สิ้นพระชนม์ที่กองขยะ

บางท่านเริ่มศึกษาธรรม ก็คิดจะลาออกจากงาน จะศึกษาธรรมอย่างเดียว โดยไม่รู้ว่า นั่นเป็นอัธยาศัยที่แท้จริงของตนหรือไม่ หรือเป็นเพราะเข้าใจผิดว่า ธรรมกับชีวิตการ ครองเรือน การทำงานนั้นแยกจากกัน จริงๆ แล้ว ถ้าเข้าใจแม้เพียงขั้นการฟังว่า ทุกอย่าง เป็นธรรม และธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ก็จะไม่หลีกหนีไปศึกษาธรรมอย่างเดียว เพราะ ถ้ามีสัญญา ความจำที่มั่นคงว่า ทุกอย่างเป็นธรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ธรรม ก็ปรากฏให้ระลึกศึกษาอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ยังไม่ระลึกศึกษาเพราะสัญญา ความจำยังไม่ มั่นคงว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ยังเป็นเรา ยังเป็นของเรา ยังเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ธรรมจึงยังไม่ปรากฏด้วยดี คือ ยังไม่เป็นธรรมที่เพียงปรากฏ สั้นมาก แล้วก็ดับไป ในกรุงราชคฤห์นี่เองที่ทรงแสดงวินัยของคฤหัสถ์ สิงคาลกสูตร แก่สิงคาลมานพ ซึ่ง เป็นข้อประพฤติปฏิบัติของผู้ครองเรือน ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบุคคลต่างๆ ใน ฐานะที่เป็นบุตร เป็นบิดามารดา เป็นครู เป็นศิษย์ เป็นนายจ้าง ลูกจ้าง เป็นเพื่อน เป็น สมณพราหมณ์ เป็นผู้รับโอวาทจากสมณพราหมณ์ และยังทรงแสดงข้อปฏิบัติเพื่อความ สัมพันธ์อันดียิ่งขึ้นของผู้ยังครองเรือน ด้วยสังคหวัตถุ 4 คือ ทาน การให้ ปิยวาจา การ เจรจาถ้อยคำอ่อนหวาน อัตถจริยา การประพฤติเป็นประโยชน์แก่กัน สมานัตตตา การ วางตนเสมอ ไม่ยกตนข่มผู้อื่น เป็นต้น

หลังอาหารกลางวันที่โรงแรมใหม่ที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด พร้อมกับนักท่องเที่ยวมาก มาย ก็ไปทอดผ้าป่าที่วัดไทยศิริราชคฤห์ แล้วไปนมัสการพระเจดีย์ที่ปรินิพพานของ ท่านพระสารีบุตรที่นาลันทา ขากลับได้เปลี่ยนมานั่งรถคันที่ 1 (ตามคำร้องขอของผู้ กำกับบุญลือ) เพื่อบรรยายความเป็นไปของสถานที่ต่างๆ ให้สหายธรรมที่สนใจฟัง ระหว่างทางผ่านร้านขายขนมขาชา ขนมที่มีประวัติเก่าแก่นับพันๆ ปี จึงได้เล่าเรื่องโกสิ ยเศรษฐี เศรษฐีที่ตระหนี่มาก อยากจะกินขนมขาชา แต่กลัวคนอื่นจะเห็นแล้วมาขอแบ่ง จึงให้ภรรยาขึ้นไปทำขนมบนปราสาทชั้น 7 แต่เพราะได้สะสมปัญญาบารมีมาบริบูรณ์ พระผู้มีพระภาคจึงทรงส่งท่านพระโมคคัลลานะมาปราบให้คลายความตระหนี่ (ได้แบ่ง ขนมให้ท่านนิดหนึ่ง) และเมื่อได้ฟังธรรมจากพระผู้มีพระภาค ก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน จะเห็นชัดว่า ความตระหนี่หรือปัญญาล้วนแต่เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่ว่าตระหนี่แล้วจะ มีปัญญาไม่ได้ ธรรมเกิดขึ้นทำกิจคนละขณะกัน ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ บังคับบัญชาก็ไม่ได้ แล้วแต่เหตุปัจจัย

เราพยายามตั้งใจฟัง เพื่อให้กำลังใจคนบรรยาย แต่ความเหนื่อยล้าจากการขึ้นเขา และอ่อนเพลียทำให้หลับไปเกือบตลอดทาง ส่วนคนบรรยายบอกว่า เมื่อได้บรรยาย เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เกิดปีติเพราะซาบซึ้งในพระ มหากรุณาคุณ ที่ทรงเกื้อกูลต่อสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ รู้สึกว่าเวลาเดินทางสั้นมาก แป๊บ เดียวก็ถึงพุทธคยาเสียแล้ว อยากจะไปให้ไกลออกไปอีก เพราะมีเรื่องที่อยากจะเล่าอีก เยอะเช่น เรื่องนางรัชชุมาลา ทาสีในหมู่บ้านบ้านคยาที่มีความทุกข์จากการถูกนายจ้าง สาวทุบตี จนคิดฆ่าตัวตาย ตั้งใจจะผูกคอตายที่ต้นไม้ในป่า พระผู้มีพระภาคเสด็จมา โปรด นางได้ฟังธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบัน หรือเรื่องชาวนาในเมืองคยา ที่หักร้างถาง พงเพื่อทำนา พระผู้มีพระภาคทรงเสด็จไปปราศรัยกับชาวนานั้นบ่อยๆ จนชาวนาคิดว่า พระผู้มีพระภาคคงทรงอยากเสวยข้าวในนา ตั้งใจว่าเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจะนิมนต์พระสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ไปฉันภัตตาหารที่บ้านในวันรุ่งขึ้น แต่คืนนั้นก็เกิดพายุฝนหนัก น้ำท่วมทำให้ข้าวในนาเสียหายทั้งหมด ชาวนานั้นเสียใจมาก พระผู้มีพระภาคทรง แสดงอดีตกรรมที่เขาเคยเศร้าโศกเพราะความโลภมาแล้ว เมื่อครั้งชาวนาเป็นกษัตริย์ที่ ตอนแรกสละราชสมบัติให้น้องชาย แต่ภายหลังมาทวงคืน และทำสงครามเพื่อขยาย อาณาเขตให้กว้างขวางไปไม่สิ้นสุด เท่าไรก็ไม่พอ เมื่อไม่ได้อย่างหวังก็ทรงล้มป่วย เมื่อได้ฟังเรื่องในอดีตของตน ชาวนาก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นต้น และยังมีเรื่อง อื่นๆ อีกมากที่ยังอยากจะบรรยายต่อ

สาธุ แต่ขอให้ท่านเดินทางต่อไปคนเดียวเถิดเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว ขอ รับประทานอาหารค่ำแล้วนอนก่อนดีกว่า ธรรมนั้นดี แต่จะแสดงก็ต้องดูคนฟังว่า พร้อม หรือไม่ หิวหรือเปล่า ง่วงนอนหรือยังด้วย คงจะลืมที่ท่านแสดงไว้ในมงคลสูตรว่า “กา เลน ธัมมัสสวนัง” ฟังธรรมตามกาลที่เหมาะสม จึงจะเป็นมงคลต่อผู้ฟัง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ธนัตถ์กานต์
วันที่ 19 ธ.ค. 2555

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 19 ธ.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงและท่านอาจารย์สงบมากครับ โดยเฉพาะท่าน

อาจารย์สงบมีกุศลวิริยะในการให้ความรู้ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เดินทาง เป็นธรรมทานยิ่ง

เลยครับ ส่วนข้อมูลเรื่องอินเดีย....แดนพุทธภูมิ ของพี่แดง อ่านอีกก็สนุกและได้สาระ

เหมือนเดิมเลยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chulalak
วันที่ 19 ธ.ค. 2555

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

ธรรมเกิดขึ้นทำกิจคนละขณะกัน

ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ บังคับบัญชาก็ไม่ได้

แล้วแต่เหตุปัจจัย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
panasda
วันที่ 19 ธ.ค. 2555

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 20 ธ.ค. 2555

ชอบอ่านที่พี่แดงเขียนเล่าเรื่องครับ

นอกจากจะได้ความรู้ ที่พี่แดงมี และ นำมาถ่ายทอด จากความเข้าใจพระธรรมของพี่

ที่ได้ติดตามฟังท่านอาจารย์มานานหลายสิบปีแล้ว

พี่แดงยังมี "คนข้างกาย" ที่แสนวิเศษ (มหัศจรรย์) อีกด้วยครับ

เมื่อได้ฟังที่พี่แดงเล่าเรื่องเดินขึ้นเขาคิชฌกูฏแล้ว

ทำให้นึกถึงความประทับใจที่ได้มีโอกาสเดินตามพี่ทั้งสองขึ้นเขาคิชฌกูฏ

เมื่อเดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ เป็นครั้งแรก ที่ได้รู้จักตัวจริงของพี่ทั้งสอง ครับ

พี่สงบ (รองศาสตราจารย์ ดร. สงบ เชื้อทอง) เป็นคนที่อบอุ่น มีเมตตามาก

สมกับที่เป็นอาจารย์ ที่มีกุศลเจตนา ที่จะให้ทุกคน มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง

ทั้งพระพุทธประวัติ และ คำสอน ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ภาพนี้ เป็นภาพหนึ่ง แห่งความประทับใจของผม

สำหรับการได้มีโอกาสเดินทางไปกราบสังเวชนียสถานทั้ง ๔ เป็นครั้งแรกที่อินเดียครับ

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลเจตนาของท่านพี่ทั้งสองด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jaturong
วันที่ 20 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เข้าใจ
วันที่ 20 ธ.ค. 2555

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 20 ธ.ค. 2555

เมตตาก็ชอบอ่านที่พี่แดงเขียนเช่นกันค่ะ

สนุกและมีสาระสอดแทรกธรรมให้ได้พิจารณาเสมอ

พี่แดงที่น่ารักน่าเคารพอย่างยิ่งของน้องๆ อบอุ่น และจริงใจ และเป็นผู้ตรง

สำหรับพี่สงบ (รองศาสตราจารย์ ดร. สงบ เชื้อทอง) เป็นคนที่อบอุ่นและ

มีเมตตามากกับทุกๆ คน

กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง พี่สงบ ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 21 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kinder
วันที่ 22 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ