เมตตา คือ ความเป็นมิตรโดยไม่มีช่องว่าง

 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่  17 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22186
อ่าน  2,169

คำบรรยายธรรมบางตอนของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ชุด โสภณธรรม ตอนที่ ๒๔๙๔

ท่านอาจารย์   เรื่องของสภาพธรรม ถ้าเราเข้าใจนะคะ โลภะคือความติด ความต้องการโทสะคือความขุ่นเคือง แม้เพียงเล็กน้อย ส่วนอโลภะเนี่ยค่ะ คือความไม่ติด ไม่ข้อง ไม่ต้องการ นะคะ แล้วก็อโทสะก็คือความไม่โกรธ เพราะฉะนั้น จะเป็นสภาพจิตซึ่งไม่โกรธ ขณะนั้น คนอื่นจะบอกแทนเราไม่ได้เลยว่า เรามีเมตตา คือความเป็นเพื่อน ความหวังดี เพื่อประโยชน์ของคนนั้นหรือเปล่าซึ่งถ้าเราเดินออกไปเดี๋ยวนี้ (ขณะที่บรรยายนั้นท่านอาจารย์และคณะอยู่ประเทศอินเดีย) ข้างนอกเนี่ยนะคะ แล้วเราเป็นมิตร คือหมายความว่าทุกคนไม่ได้เป็นศัตรูเลยค่ะ ไม่ว่าจะมีหนวด หรือผิวต่างกับเรา หรือจะยังไงก็ตามแต่ ใช่ไหมคะ หรือเมื่อกี้ที่เรานั่งรถไปเนี่ยค่ะ ถ้าเกิดอกุศลจิต อย่างคนขายของ บางทีเขาอาจจะมากวนอย่างนั้น อย่างนี้ ใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราสามารถที่จะรักษาจิตของเรา เป็นเพื่อนค่ะเขาก็เป็นคนที่ขายของ เงินทองก็มีความหมายต่อเขา บางครั้งเนี่ยนะคะ เราทำบุญได้ตั้งเยอะแยะ แล้วเรามานั่งต่อสามล้อบ้าง แม่ค้าบ้างอะไรอย่างนี้ ใช่ไหมคะ แล้วชีวิตของเขา ถ้าคิดว่า มีลูกกี่คน ลูกเขากำลังเรียนหนังสือ เขาไม่มาบรรยายสภาพความต้องการ ความขาดแคลนในครอบครัวของเขา แต่เขาอาจจะมีแม่ป่วยอยู่โรงพยาบาลหรืออะไรก็ได้ ทุกอย่าง โดยสภาพฐานะความเป็นอยู่ใช่ไหมคะ อย่างเขาก็ไม่มีรถรา ต้องไปเช่าสามล้อบ้าง แท็กซี่บ้าง จราจรเรียกบ้าง อะไรบ้างก็แล้วแต่ แล้วเราก็ต่อนิดต่อหน่อย แล้วเราก็ไปทำบุญเยอะแยะเนี่ย สู้เราเป็นมิตรกับทุกคนพร้อมที่จะให้ประโยชน์กับทุกคน แล้วแต่ว่าขณะนั้นเราพบใคร ใช่ไหมคะ ถ้าเรานั่งสามล้อ เราก็ให้เท่าไหร่ อาจจะไม่ต้องทอนก็ได้ เมื่อคิดถึงครอบครัวของเขาหรืออะไรอย่างนี้ค่ะ ขายผลไม้ เขาอาจจะรวยกว่าเรา เพราะว่าเขาขายของเนี่ยกำไรมาก ใช่ไหมคะ มันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับกาลเทศะ เกี่ยวกับสภาพจิตของเราว่า ขณะนั้นเรามีความเป็นมิตรหรือว่าเราเป็นเรา เขาเป็นเขา แล้วเราก็คิดไกลจนกระทั่งว่า ต้นทุนเท่านี้ กำไรเท่านั้น อะไรอย่างนี้ เป็นเรื่องคิดมากจังนะคะแต่ว่า สภาพจิตของเราเป็นเพื่อนของเขาเนี่ยค่ะ ไม่ว่าเขาจะอาชีพใดก็ตาม ก็สบายใจดี การเจริญเมตตาเนี่ย คือความเป็นเพื่อนจริงๆ ไม่มีอะไรกั้น ถ้าใช้คำว่าเพื่อนเนี่ยนะคะ จะไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีฐานะ ไม่มีความรู้ ไม่มีอะไรเลยที่จะมาขวางในความเป็นเพื่อน ไม่มีช่องว่าง บางครั้งเราไปคิดว่า คนนี้มาเอาเปรียบเรา แต่รู้ได้อย่างไร ถ้าเรารู้ว่าขายสินค้า ราคาแพงไป ก็แล้วแต่ แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเราไปคิดถึงครอบครัวเขา ในฐานะของเขาเนี่ยจะเป็นประโยชน์กว่านะคะ เพราะว่าเปรียบเหมือนการทำบุญกุศลน่ะค่ะ

ผู้ฟัง   แต่บางครั้งเรารู้ว่ามันราคาสูงก็อดต่อไม่ได้

ท่านอาจารย์   แล้วเคยทำบุญอย่างอื่นไหมคะ

ผู้ฟัง   เคยค่ะ

ท่านอาจารย์   ก็เหมือนกัน ทำบุญซิคะ

ผู้ฟัง   แต่เขาเอาเปรียบคน

ท่านอาจารย์   แหม ไม่อยากจะเรียกว่า เอาเปรียบค่ะ ไม่อยากจะเรียกว่าเอาเปรียบเลยถ้าเขาเอาเปรียบเรายิ่งน่าสงสาร เพราะเป็นอกุศล ขอยกตัวอย่างเรื่องที่ถนนเพชรบุรี (เหตุการณ์รถบรรทุกแก๊สพลิกคว่ำและระเบิดเมื่อหลายปีมาแล้ว) ใช่ไหมคะ ทุกคนเนี่ย สงสารเหลือเกิน คนที่ถูกไฟลวก เผา เนี่ยนะค่ะ แต่ทำไมสงสารเขาช้าจัง ทำไมไม่สงสารตอนที่เขาทำอกุศลกรรม ซึ่งเป็นเหตุให้เขาต้องถูกเผา เพราะว่า ถ้าเขาไม่เคยมีอกุศลกรรมมาก่อนนะคะ เขาจะไม่ได้รับวิบากกรรมอย่างนี้ ไม่มีทางเลยค่ะที่ใครจะไปติดไฟแดง แล้วก็ถูกไฟลวกเผาอย่างนั้น ใช่ไหมคะ ทุกคนเนี่ยค่ะใช้คำว่าขึ้นอยู่กับกรรม ถึงแก่กรรม เมื่อกรรมมาแล้วหนีไม่ได้ ไม่มีใครหนีกรรมพ้น เพราะฉะนั้นต้องเป็นอกุศลกรรมแน่ๆ ที่ทำให้เขาได้รับวิบากอย่างนั้น แล้วเรามาเที่ยวสงสารตอนที่เขาได้รับวิบาก แต่ตอนที่เขาทำอกุศลกรรมนั้นน่ะ เริ่มสงสารได้แล้ว เพราะฉะนั้นตอนที่แท็กซี่เขาจะมาโก่งราคาเรานั้น เราสงสารที่เขาโก่งราคา หรือว่าใครก็ตามที่ทำอกุศลกรรม สงสารทันทีเลย ... ชีวิตเราดำรงอยู่เพียงขณะจิตเดียว ควรจะคิดว่า แล้วขณะจิตเดียวนี้เป็นกุศลหรือเป็นอกุศลคะ มีขณะจิตเดียวให้เลือก จะเป็นกุศล หรือ จะเป็นอกุศลคะ ก็อย่าไปโกรธหรือไปคิดมาก


เป็นคำอธิบายเรื่องเมตตาที่ชัดเจนลึกซึ้งมากครับ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
daris
วันที่ 17 ธ.ค. 2555

อ่านแล้วได้ประโยชน์มากครับ กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ups
วันที่ 17 ธ.ค. 2555

ทำไมไม่สงสารตอนที่เขาทำกุศลกรรม

ขออภัยนะครับอาจารย์ ผู้ร่วมเดินทาง ตก "อ" ตรง ที่ขีดเส้นใ้ต้ น่าจะเป็น อกุศลกรรม

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 17 ธ.ค. 2555

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 22186 ความคิดเห็นที่ 2 โดย ups

ได้ทำการแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว ครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้ร่วมเดินทางและทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 17 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 17 ธ.ค. 2555

ขอบพระคุณ คุณ ups และอาจารย์คำปั่น และทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
บรรพต
วันที่ 18 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 18 ธ.ค. 2555

... ชีวิตเรา ดำรงอยู่เพียงขณะจิตเดียว ควรจะคิดว่า แล้วขณะจิตเดียวนี้เป็นกุศล หรือเป็นอกุศล คะ มีขณะจิตเดียวให้เลือก จะเป็นกุศล หรือ จะเป็นอกุศล ..."

กราบท่านอาจารย์

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้ร่วมเดินทาง และ ทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nopwong
วันที่ 19 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
napachant
วันที่ 19 ธ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
apichet
วันที่ 19 ก.ค. 2566

สาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ