3จังหวัดใต้ ถ้าไม่มีคนพุทธ แล้วพระสงฆ์จะอยู่กันยังไงครับ

 
พะเยา
วันที่  11 ก.ย. 2555
หมายเลข  21718
อ่าน  2,327

ข่าวบอกคนพุทธย้ายออกจาก ๓ จังหวัดใต้ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ปีละ ๑ แสนคน มีพระประจำวัด แต่ละวัด เพียง ๒-๓ รูป

ทุกวันนี้แทบจะบิณฑบาตไม่ได้ นอกจากเรื่องความปลอดภัย ยังรวมถึง ไม่มีคนใส่บาตร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแบ่งแยกดินแดน กว้านซื้อที่ดินของชาวพุทธ ที่ย้ายออกไปจำนวนมาก โดยมีทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ

ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปฤาจะสิ้นศาสนาพุทธ ใน ๓ จังหวัดใต้แล้วเสียกระมัง แล้วเราก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เหมือนสมัยมหาวิทยาลัย นาลันทา ไม่มีผิด


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ศาสนาพุทธ คือ ศาสนาของปัญญา เพราะฉะนั้น การจะดำรงพระศาสนาได้นั้น อยู่ที่ความเข้าใจพระธรรมของแต่ละคน หากแม้มีภิกษุมาก หรือ มีตำรับตำรามาก แต่ไม่มีความเข้าใจพระธรรม เข้าใจหนทางที่ผิด ศาสนาก็อันตรธานไป คือ อันตรธาน จากใจของบุคคลนั้น เพราะฉะนั้น สำคัญที่ความเข้าใจเป็นสำคัญ

และแม้เป็นเพศคฤหัสถ์ ก็สามารถเข้าใจพระธรรม บรรลุธรรม หากได้ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง และ แม้สถานที่นั้น จะไม่มีพระภิกษุ สถานที่อื่นๆ ก็ยังมี ก็ยังไม่อันตรธานแห่งเพศ ครับ

ดังนั้น ควรพิจารณาว่า จะอยู่อย่างไรที่ประเสริฐ คือ อยู่ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามสิกขาบท เท่าที่ทำได้ สำหรับเพศพระภิกษุ และ สำคัญที่ใจเราเอง ที่หมั่นศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เพราะ โลกก็ต้องเป็นไปอย่างนี้ ตามกาลเวลา และ ความเสื่อมของพระพุทธศาสนา ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 26 ก.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เกิดที่ไหน ไม่สำคัญ ขอเพียงมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง พระธรรม ไม่สาธารณะกับทุกคน ผู้ที่เห็นประโยชน์เท่านั้น ที่จะได้ฟัง ได้ศึกษา สะสมปัญญาต่อไป ซึ่งมีน้อยคนจะได้ศึกษา

จึงไม่ใช่เฉพาะคนที่อยู่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้เท่านั้น แม้จะเกิดในถิ่นที่ดี มีความเจริญ แต่ก็ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็มีเป็นจำนวนมากทีเดียว

ในทางตรงกันข้าม แม้จะเกิดใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ณ ที่ไหนก็ตาม แต่ถ้าได้มีโอกาสฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ย่อมเป็นประโยชน์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เรื่องของคนอื่นก็เป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ ต่างคนต่างเกิด ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างคิด เป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่สำหรับเราแล้ว ก็ไม่ควรล่วงเลยขณะอันมีค่า ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ นั่นก็คือ โอกาสแห่งการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา และ เจริญกุศลประการต่างๆ ต่อไป

นี้แหละ คือ สิ่งที่จะเป็นประโยชน์สำหรับตนเองอย่างแท้จริง ครับ

...ขอบพระคุณ อ. ผเดิม และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.ย. 2555

ศาสนาอยู่ที่ใจ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ และที่สำคัญ อยู่ที่ไหนก็ได้ ถ้ามีความเข้าใจธรรม ก็มีความสุข พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ศาสนาจะดำรงอยู่ได้ ๕,๐๐๐ ปี" ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 4 ต.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่ 6 ต.ค. 2555

ขอประทานโทษนะครับ

ผมว่าเรามองคนละมุม คือผู้ถาม มองในมุมของการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งเมื่อยังอยู่ในสังคมก็ต้องมีผู้ทำ มีผู้รับผิดชอบ ผู้ถามคงอยากจะให้ผู้รับผิดชอบ ในแง่บริหารจัดการองค์กร ได้ทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้คนที่นับถือพระพุทธศาสนา ดำรงชีพอยู่ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนได้อย่างปกติสุข และสามารถประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นได้

ส่วนผู้ตอบ ท่านตอบในแง่สัจธรรม ซึ่งก็จริงอย่างที่ท่านตอบ เถียงท่านไม่ได้ ไม่มีใครทำลายสัจธรรมได้ ก็จริง แต่ถ้าบริหารจัดการองค์กร หรือสังคม ไม่ดี สัจธรรมก็ปรากฏตัวได้ยาก หรือปรากฏไม่ได้เลย

พระพุทธองค์ทรงประกาศสัจธรรมกับคนในสังคม จึงปรากฏความจริงว่า ทรงอาศัยการบริหารจัดการของทางบ้านเมือง เช่น การอุปถัมภ์บำรุงของพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งถ้าไม่ทำเช่นนั้น สัจธรรมคงจะเข้าถึงผู้คนอย่างกว้างขวางแพร่หลายได้ยากมาก แม้การรวบรวมพระธรรมวินัย (ซึ่งมีผลส่งมาให้เรา ได้รู้จักคำสอนของพระพุทธเจ้า อยู่ในทุกวันนี้) ก็ต้องอาศัยการอุปถัมภ์ของทางบ้านเมือง อย่างในสังคายนาครั้งที่ ๑ ก็คือการอุปถัมภ์ของพระเจ้าอชาตศัตรู

ถ้าบอกว่า พระเจ้าพิมพิสารไม่จำเป็น พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่จำเป็น พระเจ้าอชาตศัตรูก็ไม่จำเป็น สัจธรรมอยู่ที่ใจ ป่านนี้คำสอนของพระพุทธองค์อาจไม่มีมาถึงเราแล้วก็ได้ ส่วนที่เราจะฟังธรรม ศึกษาธรรม รู้ธรรม เราก็ต้องทำครับ เราไม่ทิ้ง ทิ้งไม่ได้ แต่การบริหารจัดการในทางสังคมก็ต้องมี ต้องทำด้วยเช่นกัน เพราะ ธรรมปรากฏที่ใจ ใจปรากฏที่คน คนปรากฏตัวอยู่ในสังคม พระพุทธพจน์ที่ตรัสเรื่อง ปฏิรูปเทสวาโส ย่อมช่วยยืนยันได้ ฤาเราจะรอให้ปฏิรูปเทสเกิดเองตามธรรมชาติ ที่ไหนไม่เป็นปฏิรูปเทส เราก็อพยพไปฟังธรรม ศึกษาธรรมกันที่อื่น หรือว่า เราควรจะช่วยกันคิดอ่าน ทำบ้านเมืองที่เรามีอยู่แล้ว และมีพระพุทธศาสนาอยู่แล้วนี่แหละ ให้ดำรงความเป็นปฏิรูปเทส เอาไว้ให้ยืนยาว ใครทำอะไรได้ ในกรอบ ขอบเขต วิสัยของตน ต้องช่วยกันทำครับ ไม่ใช่เอาแต่บอกว่า ธรรมะอยู่ที่ใจ อย่างเดียว เมื่อทำอะไรตามหน้าที่อันจะพึงทำได้แล้ว เราก็รู้ว่า เราทำหน้าที่ของเราแล้ว

แม้การช่วยกันบอกกล่าว ให้คนที่มีหน้าที่จะต้องทำ หรือคนที่มีความสามารถจะทำได้ ให้เขารู้ตัว และให้เขาทำหน้าที่ของเขา ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำหน้าที่ของเราด้วย อะไรที่เราทำไม่ได้ เราก็รู้ทันว่าทำไม่ได้ แต่ไม่ใช่บอกตั้งแต่แรกไปเลยว่า ไม่ต้องทำอะไร เพราะ ธรรมะอยู่ที่ใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
supot_j1979
วันที่ 7 ต.ค. 2555

อนุโมทนาด้วยเช่นกันครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 8 ต.ค. 2555

ฤาจะสิ้นศาสนาพุทธ ใน ๓ จังหวัดใต้แล้วเสียกระมัง แล้วเราก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เหมือนสมัยมหาวิทยาลัย นาลันทา ไม่มีผิด ...

ทุกอย่างเป็นธรรมะเป็นอนัตตา ... เท่าที่ติดตามข่าวทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกิจการส่งเสริมพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ... สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่รับรู้ถึงปัญหา ทรงทำโครงการพระสงฆ์นำชัย คุ้มภัยใต้ ติดต่อมา ๒ ปี ในการนำพระสงฆ์ เข้าไปช่วยส่งเสริม และช่วยชาวบ้านให้ได้ปฏิบัติกิจสงฆ์ตามศาสนาพุทธ ในช่วงเข้าพรรษา ผ่านทาง พล. อ ณพล บุญทับ รองสมุหราชองค์รักษ์

พระสงฆ์ จำนวน ๔๒๕ รูปจากทั่วประเทศ ที่มาร่วมโครงการพระสงฆ์นำชัยคุ้มภัยใต้ เดินทางมาจำวัดตลอด ๓ เดือน ใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ ... ทหาร ตำรวจที่ประจำอยู่สามจังหวัด ส่วนมากเป็นชาวพุทธ และยังมีกลุ่มประชาชนนอกสามจังหวัด รวบรวมสนับสนุนปัจจัยด้วย หนทางที่จะช่วยเหลือให้ศาสนาพุทธ ยังคงมีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ น่าจะมีความพยายามหลายฝ่าย ... หลายหนทาง ... เช่น สนับสนุนปัจจัยและการดำรงพระพุทธศาสนาที่ดีที่สุด คือการศึกษาธรรมะให้เข้าใจ ตรงตามพระธรรม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ...

ดังนั้นหากต้องการให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงมีคนพุทธ แต่ไม่เข้าใจพระธรรมคำสั่งสอน ก็ไม่มีประโยชน์อย่างไร ... การเผยแพร่ธรรมะทางเว็บไซต์ ด้วยข้อมูลที่ตรงตามพระธรรม หากชาวพุทธในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ศึกษา ก็เป็นหนทางดำรงพระพุทธศาสนาทางหนึ่งได้เหมือนกัน ...

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
mild
วันที่ 9 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แม้นไม่มีผู้ใดแสดงธรรมเลย ธรรมะก็ยังมี เคยมี กำลังมี และก็มีต่อไป แม้ไม่มีโลกนี้ ก็ยังคงมีภพอื่นอีกมากมาย แม้ไม่มีมนุษย์ก็ยังมีสัตว์อื่นอีกมากมาย ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามสมควรแก่เหตุ อาสวะ เป็นปัจจัยให้เกิด กรรมวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ เป็นปัจจัยให้เกิด วิปากวัฏฏ์ และกรรมในอดีตก็คือผลในปัจจุบัน ถ้ายังเป็น ผู้ที่ไม่รู้ ก็จักไม่รู้ต่อไป และไม่รู้ว่า จัดการผู้อื่นไม่ได้ เปลี่ยนผู้อื่นไม่ได้ แต่มีเมตตา เป็นมิตรได้ สงบเย็นได้ ด้วยปัญญาของเราเอง

ดังข่าวที่มีการจราจล เหตุเพราะอ้างศาสนา ในหลายประเทศก็มี แต่ไม่รู้สึกอะไร เพราะ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ภาคใต้ของเรา แต่ลืมไป ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นภาคใต้ของเรา เมื่อใดเมื่อนั้น ก็คืออาสวะกิเลสนั่นเอง เหตุเพราะมองปัญหาด้วยอัตตา ไม่ประกอบด้วยปัญญา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 6 พ.ย. 2556

ขอขอบคุณและอนุโมทนา (ความคิดเห็นที่ 8 ค่ะ)

เค้าอยู่ใต้ ริมชายแดน มีอิสลามทั้งนั้น แต่ก็ไม่ค่อยจะขาดการฟังธรรม มีแต่เสียงธรรมเป็นกัลยาณมิตรค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

ได้รับฟังจากวิทยุเป็นครั้งแรกค่ะ และรับฟังเรื่อยมาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ