โสดาบันป้องกันตัวได้หรือไม่?

 
วินิจ
วันที่  30 พ.ค. 2554
หมายเลข  18452
อ่าน  2,123

โสดาบันมีครอบครัวยังผูกพันในครอบครัว,เมื่อมีอันธพาลจะมาทำร้ายอาจเนื่องจากไม่พอ

ใจบางสิ่งหรือขัดผลประโยชน์ทางการค้าหรือเป็นโจรจี้ปล้น,เพราะเป็นห่วงครอบครัวและ

ทรัพย์สิน,จะป้องกันตัวโดยตอบโต้พอสมควรแก่เหตุ,แต่อาจเสียภาพพจน์"โสดาบัน"เช่น

นี้ทำได้หรือไม่? (อาจมีการถกเถียงด่าทอด้วย,แต่ไม่ทำผิดศีล5แน่นอน)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 30 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระโสดาบัน คือ บุคคลที่ถึงกระแสแห่งมรรค สามารถดับกิเลสได้หมดในบางประเภท

เช่น ความเห็นผิด ความสงสัยและละข้อประพฤติปฏิบัติที่ผิด คุณสมบัติของท่านก็คือ

มีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมและในพระสงฆ์อันไม่หวั่นไหว

แน่นอนมั่นคงแล้ว และท่านเป็นผู้มีปกติในศีล 5 คือไม่ล่วงศีลเลยโดยประการใดๆ และ

อีกประการหนึ่ง ท่านจะไม่มีความตกต่ำเป็นธรรมดา คือ ย่อมเจริญขึ้นถึงความเป็นพระ

อริยุคคลในขั้นต่อไป จนท้ายสุดสามารถดับกิเลสได้ครับ และท่านจะไม่เกิดในอบายภูมิ

เลยเมือเป็นพระโสดาบันแล้วครับ

แต่ในเมื่อกิเลสมีมาก การเป็นพระโสดาบันก็ย่อมละกิเลสได้ในบางส่วน เพราะฉะนั้น

อกุศลธรรม อกุศลจิตทางใจ ทางกายและวาจายังมีอยู่ แต่แตกต่างกันกับปุถุชนแน่นอน

ครับ แตาต่างคือ อกุศลทางกายและวาจาและใจของท่านไม่มีกำลังเท่ากับของปุถุชน

และไม่เป็นปัจจัยให้ไปเกิดในอบายภูมิเลย เพราะอกุศลธรมนั้นไม่มีกำลังเท่าปุถุชนครับ

แต่ของปุถุชนอกุศลยังมีกำลังได้เป็นเหตุปัจจัยให้ล่วงศีล ให้ไปเกิดในอบายภูมิครับ ถามว่าอะไรทำให้แตกต่างครับ ระหว่างปุถุชนและพระโสดาบัน คือ ปัญญานั่นเองครับ

ปัญญาต่างระดับกัน อกุศลจึงมีกำลังแตกต่างกันไป

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 30 พ.ค. 2554

ดังนั้นประเด็นที่ผู้ถามว่าเมื่อพบเหตุการณ์ตามที่กล่าวมา พระโสดาบัน ไม่ว่าจะด้วย

เหตุแห่งทรัพย์ ด้วยเหตุแห่งญาติ ด้วยเหตุแห่งอวัยวะ และแม้ด้วยเหตุแห่งชีวิตท่านก็

จะไม่ล่วงศีลเลยไม่ว่ากรณีใดๆ ครับ ท่านยอมสิ้นชีวิต แต่ท่านจะไม่ล่วงศีล ไม่ฆ่าสัตว์

เป็นต้น แต่เมื่อยังมี อกุศลธรรมบางประการที่ไมได้ดับ เช่น โลภะ โทสะและโมหะบาง

ประเภท ท่านก็ยังมีการกระทำทางกายและวาจาด้วยอกุศลครับ ยังมีการพูดคำหยาบ

พูดเพ้อเจ้อ ซึ่งพระโสดาบันยังละไมได้ พระโสดาบันท่านละการพูดเท็จและการพูด

ส่อเสียดได้แล้วครับ แต่การพูดคำหยาบของท่านย่อมเหมือนปุถุชนแน่นอนเพราะ

ปัญญาและจิตที่ดับกิเลสแล้วต่างกันครับ จึงไม่มีกำลังเหมือนปุถุชน นี่คือการกระทำ

ทางวาจาเมื่อพบเจอเหตุการณ์ท่านก็กล่าวด้วยอกุศลได้ครับ แต่ไม่มีกำลังเท่าปุถุชน

นั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 30 พ.ค. 2554

ส่วนทางกายก็โดยนัยเดียวกัน ท่านไม่ฆ่าศัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามแล้ว แต่

ท่านก็ยังมีกายทุจรติที่เป็นการกระทำทางกายที่เป็นอกุศลได้ครับ มีการป้องกันตัวด้วย

อกุศลทางกาย แต่ท่านจะไม่ล่วงศีลเลยครับ ที่สำคัญกากระทำทางกายที่เป็นอกุศล

ก็จะเปรียบเทียบกับปุถุชนไมได้ เพราะกำลัง ของอกุศลต่างกันและปัญญาต่างกัน

การกระทำของท่านที่เป็นอกุศลทางกายจึงมีกำลังอ่อนครับ เมื่อเทียบกับปุถุชน

ดังนั้นทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยอันสมควรแก่เหตุ สมควรแก่บุคคลว่ามีปัญญา

เท่าใด ดังนั้นพระโสดาบันไม่ว่าพบเหตุการณ์ใด จิตของท่านก็เป็นกุศลบ้าง อกุศล

บ้างและการป้องกันตัวของท่านก็เป็นด้วยกุศลจิตอันอาศัยความกรุณาหรือก็เป็นอกุศล

บ้าง ตามเหตุปัจจัยครับ ชีวิตประจำวันจึงเป็นเครื่องทดสอบปัญญาของแต่ละบุคคล

ได้เป็นอย่างดีครับ ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 30 พ.ค. 2554

"...ชีวิตประจำวันจึงเป็นเครื่องทดสอบปัญญาของแต่ละบุคคล ได้เป็นอย่างดี..."

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 30 พ.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ก่อนอื่นต้องทราบว่า พระโสดาบัน ไม่ใช่พระอรหันต์, ผู้ที่หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ดับกิเลสได้ทั้งหมด ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น ส่วนพระอริยบุคคลขั้นต่ำกว่านั้น ยังเป็นผู้มีกิเลส ยังมีเหตุปัจจัยให้อกุศลจิตเกิดขึ้น เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แต่ไม่มีกำลังเหมือนกับปุถุชนผู้หนาแน่นด้วยกิเลส เพราะเหตุว่ากิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ล่วงศีลและเป็นเหตุเกิดในอบายภูมิ นั้น ดับได้อย่างเด็ดขาดตั้งแต่เป็นพระโสดาบัน พระอริยบุคคลทุกขั้นไม่มีการล่วงศีล และจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิอีก และถ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ดับขันธปรินิพพาน ก็ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ สิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง พระโสดาบัน ถึง พระอนาคามี ชื่อว่าเป็นผู้มีโทษน้อย ท่านดับกิเลสได้ตามสมควรแก่มรรคที่ท่านได้ กิเลสที่ดับแล้วจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ก็ยังมีกิเลสบางส่วนที่ยังไม่สามารถดับได้ กล่าวคือ ยังมีกิเลสเหลืออยู่ จึงยังมีอกุศลจิตเกิดขึ้นได้ แต่ไม่มากเหมือนกับปุถุชน จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์ จึงจะเป็นผู้ไม่มีโทษใดๆ เลย เพราะเป็นผู้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด กาย วาจา และ ใจ ไม่ได้เป็นไปกับด้วยกิเลสอกุศลใดๆ อีกเลย ความเป็นปุถุชน กับ คามเป็นพระอริยบุคคล เทียบกันไม่ได้เลย เพราะปุถุชนคือผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส เป็นผู้มีโทษมาก เพราะมีกิเลสมากและสามารถกระทำอกุศลกรรมหนักๆ ได้ แต่ก็สามารถขัดเกลาได้ ถ้าเห็นโทษของอกุศลธรรม เห็นคุณประโยชน์ของกุศลธรรม เพราะการที่จะค่อยๆ ขัดเกลากิเลสไปตามลำดับนั้น จนกระทั่งดับได้ในที่สุดนั้น ต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาไปตามลำดับ กิเลสที่มีมาก ต้องมีปัญญา ถึงจะดับกิเลสได้ "ปัญญา เป็นเครื่องละล้างความไม่รู้ และกุศลธรมทั้งหลาย" ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว ก็ไม่สามารถดำเนินไปถึงซึ่งการดับกิเลส ได้. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 31 พ.ค. 2554

พระโมคคัลลานะ เป็นผู้เลิศทางด้านมีฤทธิ์มาก พวกเดียรถีย์นอกศาสนา

จ้างโจรให้มาฆ่าพระโมคคัลลานะ พระโมคคัลลานะ ก็ เหาะหนีไป พระอรหันต์

ท่านไม่มีกิเลสแล้ว แต่ท่านก็ป้องกันตัวด้วยการหลบหนีภัยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 1 มิ.ย. 2554

พระโสดาบันไม่มี "เจตนา" ฆ่าเลยค่ะ ถึงแม้การป้องกันตัวท่านจะทำให้สัตว์ตาย

การกระทำนั้นจะเป็นกรรม (ล่วงศีล) หรือไม่....ดูที่เจตนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
WS202398
วันที่ 1 มิ.ย. 2554
ดีใจที่ คุณ paderm ยังมาตอบครับ จากคนเคยถาม
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ