ช่วยอธิบายธรรมะชุดนี้หน่อยค่ะ

 
zokenyo
วันที่  12 ธ.ค. 2553
หมายเลข  17607
อ่าน  6,751

โลกธรรม โลกียธรรม โลกุตตรธรรม และ โลกายตธรรม มีความหมายต่างกันอย่างไรคะ และบทสวดสรรเสริญธรรมคุณ "ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล และเก้ากับทั้งนฤพาน" เป็นโลกุตรธรรมเพราะเหตุใดคะ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรค่ะ ช่วยอธิบายหน่อยนะคะ

ขอบคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 13 ธ.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออธิบายตามลำดับ ดังนี้

๑. โลกธรรม หมายถึง ธรรมประจำโลก เป็นธรรมที่หมุนไปตามโลก และโลกย่อมหมุนไปตามธรรมเหล่านี้ เป็นการยากที่ใครๆ จะพ้นจากธรรมประจำโลกเหล่านี้ ได้ แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นบุคคลผู้เลิศ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก พระองค์ก็

ยังไม่พ้นจากโลกธรรม โลกธรรม มี ๘ ประการ คือ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ กล่าวโดยสรุปแล้ว เป็นทั้งส่วนที่น่าปรารถนา และ ไม่น่าปรารถนา อีกประการหนึ่ง คำว่า โลกธรรม ยังหมายถึง สภาพธรรมที่แตกสลายด้วย ได้แก่ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ ซึ่งเป็นธรรมที่จะต้องแตกสลายเป็นธรรม เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ยั่งยืน

๒. โลกียธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นไปหรือนับเนื่องในฝ่ายแตกดับ ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรม ที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ เมื่อว่าโดยองค์ธรรมแล้ว ได้แก่ โลกิยจิต ๘๑ เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย และ รูปทั้งหมด เป็นโลกิยธรรม

๓.โลกุตตรธรรม หมายถึง ธรรมที่พ้นจากโลก หรือ เหนือโลก เพราะเหตุว่า ไม่เป็น ไปในฝ่ายแตกดับอีก แต่เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งการดับกิเลส พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด โลกุตตรธรรม มี ๙ ประเภท คือ มรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ และ พระนิพพาน ทั้งหมดนี้ เป็นธรรมที่พ้นจากโลก (มรรคจิต และ ผลจิต เป็น จิต ที่เกิดขึ้นแล้วดับไป ก็จริง แต่เป็นไปเพื่อการพ้นจากการเกิดดับ เพราะเป็นการดับกิเลสและเป็นผลจากการดับกิเลส จึงไม่ใช่โลกิยธรรมแต่เป็นโลกุตตรธรรม ส่วนพระนิพพาน เป็นธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ จึงพ้นจากการเกิดดับอย่างสิ้นเชิง) ในข้อ ๓ นี้ ก็คงจะสอดคล้องกับคำถามที่ว่า "บทสวดสรรเสริญธรรมคุณ"ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล และเก้ากับทั้งนฤพาน" เป็นโลกุตรธรรมเพราะเหตุใด"

๔. คำว่า โลกายตธรรม เท่าที่ค้นในพระไตรปิฎก ท่านใช้คำว่า โลกายตะ เป็นชื่อของคัมภีร์หรือศาสตร์ๆ หนึ่งเท่านั้น เป็นศาตร์ที่เชื่อถือไม่ได้ เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยคำพูดเล่นๆ (คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร) สิ่งที่ควรฟัง ควรศึกษาก็คือ ธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงทั้งหมด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง และประการที่สำคัญ การฟังพระธรรม เป็นการฟังสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเิติมได้ที่นี่ ครับ

โลกธรรม ๘ ประการ [โลกธรรมสูตร]

โลกียธรรม - โลกุตตรธรรม

โลกียธรรมธรรม ไม่ใช่รู้ง่ายๆ

..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
aurasa
วันที่ 13 ธ.ค. 2553

อนุโมทนาค่ะ ทั้งคุณคำปั่น วิทยากร และท่านผู้ตั้งกระทู้ถาม ได้เจริญปัญญาอีกเรื่องหนึ่ง

ขอบคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
zokenyo
วันที่ 13 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาและขอบคุณมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผิน
วันที่ 13 ธ.ค. 2553
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เซจาน้อย
วันที่ 13 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 14 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 16 ธ.ค. 2553
ขอบคุณและขออนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 16 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 27 ธ.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ