สรรเสริญและนินทา

 
JANYAPINPARD
วันที่  17 ม.ค. 2551
หมายเลข  7019
อ่าน  2,142

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 425 ๗. อตุละ การนินทาและสรรเสริญนั่นเป็นของ เก่า นั่นไม่ใช่เป็นเหมือนมีในวันนี้ ชนทั้งหลายย่อม นินทาผู้นั่งนิ่งบ้าง ย่อมนินทาผู้พูดมากบ้าง ย่อม นินทาผู้พูดพอประมาณบ้าง ผู้ไม่ถูกนินทาไม่มีใน โลก คนผู้ถูกนินทาโดยส่วนเดียว หรือว่าอันเขา

สรรเสริญโดยส่วนเดียว ไม่ได้มีแล้ว จักไม่มี และ ไม่มีอยู่ในบัดนี้ หากว่าวิญญูชนใคร่ครวญแล้วทุกๆ วัน สรรเสริญผู้ใด ซึ่งมีความประพฤติไม่ขาดสาย มีปัญญา ผู้ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีล ใครเล่าย่อมควร เพื่อติเตียนผู้นั้น ผู้เป็นดังแท่งทองชมพูนุท แม้เทวดา ทั้งหลายก็สรรเสริญเขา ถึงพรหมก็สรรเสริญแล้ว.

ขอความคิดเห็นท่านผู้อ่านด้วยนะคะโดยเฉพาะข้อความที่เป็นสีแดง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

สำหรับพระอรหันต์แล้ว ควรสรรเสริญท่านโดยแท้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

หากว่าวิญญูชนใคร่ครวญแล้วทุกๆ วัน สรรเสริญผู้ใด

คนพาล ติเตียนหรือสรรเสริญไม่เป็นประมาณ เพราะคนพาลย่อมไม่รู้จึงพูดไป แต่บัณฑิตเมื่อใคร่ครวญแล้วด้วยปัญญา เมื่อติเตียนหรือสรรเสริญ ย่อม

เป็นสิ่งที่ถูกต้องเป็นความจริง

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 466

อรรถกถา เรื่องอตุลอุบาสก

สองบทว่า ยญฺเจ วิญฺญู ความว่า การนินทาหรือสรรเสริญของ

พวกชนพาล ไม่เป็นประมาณ แต่บัณฑิตทั้งหลาย ใคร่ครวญแล้ว คือ

ทราบเหตุแห่งนินทาหรือเหตุแห่งสรรเสริญแล้วทุกๆ วัน ย่อมสรรเสริญ

บุคคลใด

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ซึ่งมีความประพฤติไม่ขาดสาย มีปัญญา

มีความประพฤติในการอบรมปัญญา คือศีล สมาธิ ปัญญา (สิกขา) หรือสติปัฏฐานเป็นต้นพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 466

อรรถกถา เรื่องอตุลอุบาสก ผู้ชื่อว่า มีความประพฤติไม่ขาดสาย เพราะความเป็นผู้ประกอบด้วยสิกขาอันไม่ขาดสาย หรือด้วยความเป็นไปแห่งชีวิตไม่ขาดสาย ผู้ชื่อว่ามีปัญญา เพราะ

ความเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาอันรุ่งเรืองในธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ผู้ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีล

เป็นผู้มีปัญญาทั้งที่เป็นระดับทั่วไป จนถึงระดับพระอริยบุคคล พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 466

อรรถกถา เรื่องอตุลอุบาสก ชื่อว่าผู้ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีล เพราะความเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาอันเป็น

โลกิยะและโลกุตระ และด้วยปาริสุทธิศีล ๔

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ใครเล่าย่อมควรเพื่อติเตียนผู้นั้น ผู้เป็นดังแท่งทองชมพูนุท

แท่งทองชมพูนุท ย่อมบริสุทธิ์ ดังเช่นพระอริยเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ย่อมบริสุทธิ์จาก

กิเลส แท่งทองชมพูนุท ย่อมไม่ควรเพื่อขัด เป่าให้สะอาดเพราะบริสุทธิ์แล้ว ฉันใด

แม้พระอรหันต์ก็บริสุทธิ์จากกิเลสแล้ว จึงไม่ควรเพื่อติเตียนเลยพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 466

อรรถกถา เรื่องอตุลอุบาสก ใครเล่า ย่อมควรเพื่อนินทาบุคคลนั้น ผู้เป็นดุจดังแท่งทองชมพูนุท อันเว้นจากโทษ

แห่งทองคำอันควรเพื่อจะบุและขัด.

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 17 ม.ค. 2551

แม้เทวดาทั้งหลายก็สรรเสริญเขา ถึงพรหมก็สรรเสริญแล้ว.

เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายทั้งหมดย่อมควรสรรเสริญเพราะมีคุณธรรมที่ควรสรรเสริญคือหมดกิเลสแล้ว เป็นต้น ย่อมไม่ควรติเตียนเลย

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบทเล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓-หน้าที่ 466

อรรถกถา เรื่องอตุลอุบาสก

บทว่า พฺรหฺมุนาปิ ความว่า ไม่ใช่เทพดาและมนุษย์อย่างเดียว

(ย่อมสรรเสริญ) . ถึงมหาพรหมในหมื่นจักรวาล ก็สรรเสริญบุคคลนั่น

เหมือนกัน.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 17 ม.ค. 2551
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Komsan
วันที่ 17 ม.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 17 ม.ค. 2551

บุคคลไม่ได้เป็นโจรเพราะคำของคนอื่น ไม่ได้เป็นมุณีเพราะคำของคนอื่น บุคคลนั้นย่อมรู้ตนด้วยตนเอง คำว่ามุณี หมายถึงผู้รู้ ผู้รู้สูงสุดคือพระพุทธเจ้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ถ้าตนไม่มั่นคง คนอื่นสรรเสริญ คำสรรเสริญนั้นเปล่าประโยชน์ ถ้าตนมั่นคงดี คนอื่นนินทา

คำนินทานั้นเปล่าประโยชน์

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาที่ให้ธรรมทานเพิ่มพูนความรู้คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 17 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pornpaon
วันที่ 17 ม.ค. 2551
ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
แช่มชื่น
วันที่ 18 ม.ค. 2551

สรรเสริญ นินทา นี้เป็นธรรมดาของโลก แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า คนเราก็ยังอุตส่าห์

ไปด่าได้ครับขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 18 ม.ค. 2551

โลกธรรม ๘ นั่นแล

มีลาภ เสื่อมลาภ

มียศ เสื่อมยศ

สรรเสริญ นินทา

สุข ทุกข์

นี้เป็นธรรมดาโลก

"บุคคลไม่ได้เป็นโจรเพราะคำของคนอื่น ไม่ได้เป็นมุณีเพราะคำของคนอื่น"

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
orawan.c
วันที่ 19 ม.ค. 2551

ขออนุโมทนาอีกครั้งค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ