ทางพระอภิธรรมไม่ทราบว่ามีการเบิกบุญหรือแบ่งบุญไหมครับ

 
สืบต่อพุทธ
วันที่  28 ก.ค. 2557
หมายเลข  25174
อ่าน  1,426

มีการสอนคนไทยส่วนใหญ่ให้เบิกบุญมาใช้ ถ้าอยากได้อะไรก็เบิกบุญเรามาใช้ จะสมหวัง ผมเข้าใจว่าเป็นความเข้าใจผิดไม่ถูกต้อง บุญกรรมเสวยเอง บุญกรรมไม่สามารถควบคุมได้ และเมื่อทำบุญก็มีการแบ่งบุญ ผมเข้าใจว่าเป็นการบอกบุญ ขอคำชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณและอนุโมทนาสาธุครับ

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรเข้าใจแม้แต่คำว่า บุญ คือ อะไร? บุญ เป็นธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ อยู่ที่จิต ย่อมหมายรวมถึงโสภณเจตสิก (สภาพธรรมฝ่ายดีที่เกิดร่วมกับจิต เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น) ที่เกิดร่วมด้วย ถ้าหากไม่มีจิต และไม่มีโสภณเจตสิกแล้ว บุญก็เกิดไม่ได้ จิตเกิดขึ้นเป็นกุศลขณะใด ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นการชำระจิตจากกุศล การทำบุญ ก็ควรที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความอยากติดข้องต้องการหวังผลของบุญ

เมื่อบุญ คือ สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นจิต เจตสิก ที่ดีงาม สภาพธรรมที่เป็น จิตเจตสิกเกิดขึ้นและดับไปไม่กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น จะไปเบิกบุญไปเอาบุญมาจากไหน เพราะเหตุว่า สภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก ไม่มีที่อยู่ อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่เหลืออีกเลย ไม่มีบุญมาเก็บไว้ รอให้เบิก เปรียบสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ที่เป็นเหมือน เสียงของพิณ มีได้ เพราะอาศัยคนดีดพิณ สายพิณ และ เครื่องประกอบอื่นๆ จึงเกิดเสียงพิณได้ เมื่อเหตุพร้อมกันหมด เสียงพิณ ไม่ได้มีอยู่ก่อนแล้ว แต่อาศัยเหตุปัจจัยพร้อมกันจึงเกิดขึ้น และ เมื่อเสียงพิณ หมดไป เสียงพิณ ก็ไม่ได้แอบเก็บไว้ที่ไหน แต่อาศัยเหตุปัจจัย จึงจะเกิดเสียงพิณขึ้นได้อีก ไม่มีไปเอาเสียงพิณมาได้อีก หากไม่มีการดีดของนักดีดพิณ และไม่มีเครื่องดนตรี ครับ เพราะฉะนั้น เสียงพิณ จึงอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น จิต เจตสิก ที่สมมติเรียกว่า บุญ ก็มีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น ไม่มีเรา มีตัวตน ที่จะไปบังคับให้บุญเกิด หรือ ให้ได้รับผลดีของบุญ ตามใจชอบ เพราะ ธรรมเป็นอนัตตา เป็นไปตามเหตุปัจจัย แม้แต่การจะเกิดขึ้นของบุญ และการเกิดขึ้นของวิบาก ที่เป็นผลของบุญ ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย เพราะชื่อบอกแล้วว่า บุญ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคล เป็นธรรม จึงเป็นอนัตตาด้วย การเบิกบุญ ก็แสดงถึงความมีตัวตนที่จะบังคับ จัดการได้ จึงเป็นความเข้าใจที่ผิดที่คลาดเคลื่อนอันเกิดจากความต้องการบุญเป็นสำคัญ โดยมีความไม่รู้ อวิชชาเป็นปัจจัย ครับ

ส่วนการแบ่งบุญ บุญของใครก็ของคนนั้น เพราะ บุญเกิดขึ้นที่จิต จะยกบุญ แบ่งบุญไม่ได้ คำว่า สัตว์มีกรรมเป็นของๆ ตน ก็คือ บุญของใคร อกุศลของใคร ก็ของคนนั้น เพราะฉะนั้น การที่จะแบ่งบุญ จึงไม่มี มีแต่เกิดจิตอนุโมทนา ในกุศลของผู้อื่น เมื่อมีผู้อื่นบอกว่าทำกุศลอะไรมา ก็ไม่ใช่ บุญคนอื่นมาให้ แต่เพราะอาศัยเหตุปัจจัย จากการได้รับฟังในเรื่องการทำกุศลของผู้อื่น จึงเกิดจิตอนุโมทนา ก็คือ กุศล บุญ ที่เกิดขึ้นของตนเอง ในขณะนั้นเป็นสำคัญ ครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kullawat
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pattarat
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขออนุโมทนา

ขออนุโมทนา

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนว่า บุญ คือ อะไร บุญ คือ สภาพธรรมที่ดีงามที่เป็นเครื่องขัดเกลา ชำระล้างกิเลสอกุศลธรรม ซึ่งไม่พ้นไปจากความดีงาม ทั้งทาน ศีล การอบรมเจริญปัญญา บุญ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ใครสะสม ใครเจริญให้เกิดมี ก็เป็นบุญของผู้นั้น โดยไม่ปะปนกันกับคนอื่น แต่สำหรับผู้ที่มีจิตเป็นกุศล แม้ว่าตนเองจะได้เจริญกุศลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไปในเรื่องทาน การให้ การสละวัตถุสิ่งของ เพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น รวมไปถึงแม้การฟังพระธรรม ก็ยังสามารถเกิดกุศลจิตได้อีก ด้วยการบอก หรือ อุทิศให้ผู้อื่นเพื่อประโยชน์คือความเกิดขึ้นของกุศลธรรม คือ การอนุโมทนาของคนอื่นซึ่งจะเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นจริงๆ เป็นการเกื้อกูลให้เกิดกุศลจิต อนุโมทนาชื่นชมในคุณความดี ซึ่งก็จะเป็นบุญของผู้อนุโมทนา ผู้ที่เห็นคุณของกุศล เห็นคุณของความดี ก็จะไม่ละเลยโอกาสที่จะให้คุณความดีเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นไปในเรื่องใดๆ ก็ตาม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 28 ก.ค. 2557

แบ่งบุญ ก็บอกบุญที่เราทำมา ให้คนอื่นเกิดกุศล ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
thilda
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ประสาน
วันที่ 29 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pamali
วันที่ 29 ก.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
j.jim
วันที่ 30 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Parinya
วันที่ 31 ก.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
nattaworn
วันที่ 5 ส.ค. 2557

อาจจะเป็นที่คำนิยามความหมายไม่ตรงกัน ทำให้มีการคลาดเคลื่อน ไม่ได้ใจความที่แท้จริงที่ผู้สอนต้องการจะสื่อครับ ถ้าเปลี่ยนเป็นใช้คำว่า "เบิกผลบุญ" ตรงนี้ทางอภิธรรมมีแสดงไว้หรือไม่ อย่างไรครับ

ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ