ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๕๓

 
khampan.a
วันที่  27 ก.ค. 2557
หมายเลข  25171
อ่าน  1,860

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาต แบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๕๓

ถ้าไม่ฟังพระธรรม ก็เป็นโอกาสเป็นปัจจัยที่อกุศลจะเกิดมากมายเหลือเกินเพราะไม่รู้ ว่า ทุกครั้งที่เห็น แล้วกุศลไม่เกิดนั้น อกุศลก็สั่งสมสันดานของตนแล้ว โดยที่เป็นโลภมูล จิตบ้าง โทสมูลจิตบ้าง โมหมูลจิตบ้าง เมื่อสั่งสมมากๆ เข้า การที่จะดับจะละ ก็ย่อมยาก เพราะฉะนั้น เมื่อรู้อย่างนี้ จึงเป็นผู้ที่ไม่ประมาท

การรู้ธรรมโดยละเอียด เห็นโทษของอกุศลมากขึ้น ก็จะทำให้อบรมเจริญกุศลยิ่งขึ้น เพราะรู้ตัวว่าเป็นผู้ที่มีกิเลสมากเหลือเกิน

ต้องฟังพระธรรมต่อไป นี้เป็นสิ่งที่ควรทำเพราะจากอวิชชาซึ่งมีอยู่เป็นพื้นเป็นปัจจัย ให้เกิดสังขาร คือ การกระทำที่เป็นกุศลกรรมบ้าง อกุศลกรรมบ้าง ที่กำลังฟังนี้ เป็นกุศล กรรม แม้ว่ายังไม่ดับอวิชชา เพราะฉะนั้น การที่เมื่อมีอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขารอย่าสิ้น หวัง เพราะสามารถที่จะอบรมปัญญา จนกระทั่งสามารถที่จะเป็นโลกุตตรมรรคเกิดขึ้น แล้ว ก็ดับปฏิจจสมุปปาทได้ทั้งหมด แม้แต่อวิชชา ก็ไม่มี

ความสุขจริงๆ คือ เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ถ้าไม่มีปัญญา อกุศลจะหมดไปได้อย่างไร โลภะ ทำให้ดำเนินไปในหนทางที่ไม่ใช่ปัญญา

ฟังพระธรรม ทำให้พ้นจากความไม่รู้ พ้นจากกิเลสที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล

ชีวิตส่วนใหญ่เป็นอกุศล เพราะไม่รู้ความจริงจึงติดข้อง เมื่อติดข้องแล้วไม่ได้ ในสิ่งที่ติดข้องต้องการ ก็โกรธขุ่นเคืองใจ หรือ แม้ได้มาแล้ว ก็ติดข้องต่อไป ล้วน แล้วเป็นอกุศลทั้งหมด

เป็นคนดี ไม่ง่ายเลย เพราะจะต้องมีคุณธรรม มีความเข้าใจที่ถูกต้อง โดย อาศัยพระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงธรรมให้บุคคลใด ขยันในการสะสมอกุศล เพราะ ฉะนั้น ถ้าเป็นการขยัน เป็นความเพียรความหมั่นจริงๆ แล้วต้องเป็นไปในเรื่องการขัดเกลา กิเลส

โกรธง่ายหรือโกรธยาก โกรธง่ายมากใช่ไหม? ทางตาเห็นนิดเดียวก็ไม่ถูกใจ โกรธแล้ว ทางหู พูดผิดหูไปนิดเดียว ก็โกรธแล้ว ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เป็นผู้ที่โกรธง่าย ซึ่งความโกรธนั้น เป็นภัยแก่ตัวท่านผู้โกรธเอง

ไม่ควรที่จะประมาทอกุศลธรรมเลย ใครที่เป็นคนดี จะดีไปได้นานเท่าใด ก็เฉพาะ ตราบที่อกุศล ยังไม่มีปัจจัยเกิดขึ้น แต่อกุศลทั้งหลาย ที่จะดับไปได้นั้น ก็ด้วยการเจริญ ปัญญา รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามปกติ เวลาที่มีโลภะเกิดขึ้น เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน ยินดีพอใจ ขณะนั้นไม่เบื่อหน่าย ด้วยกำลังของโลภะ ซึ่งเป็นอกุศล อกุศลที่สะสมมามีกำลังมากทีเดียว บางท่าน ที่ว่าไม่มีแล้วโลภะ น้อยลงไปแล้ว ขอให้ได้พบปัจจัยที่เหมาะสมเถอะ จะเห็นเรี่ยวแรงกำลังมหาศาลของโลภะ ซึ่งยังมีกำลังอยู่มาก ยังไม่ได้ดับไปอย่างเด็ดขาด

การเกิดเป็นมนุษย์ที่ว่าประเสริฐมาก เพราะสามารถอบรมเจริญกุศลได้ทุกประการ ไม่ ว่าจะเป็นในเรื่องของทาน ศีล และการอบรมปัญญาที่จะดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้น ได้อย่างเด็ดขาด)

อกุศลธรรมของคนอื่นสามารถที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิต คือ เมตตาของท่าน เกิดได้ เพราะกุศลธรรม ตั้งใจไว้ชอบ ไม่มีประโยชน์เลยในการที่จะเกิดโทสะ

เวลาที่เห็นคนอื่นกระทำอกุศลกรรม ก็ดี หรือว่า สภาพจิตใจของคนนั้นเป็นอกุศลก็ดี เราควรที่จะมีเมตตาว่า บุคคลนั้นจะต้องสะสมอกุศลจิต และอกุศลกรรมไปมากมาย จึงควร ที่จะมีเมตตาอย่างยิ่ง

พระพุทธศาสนา เป็นพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดงโดย ละเอียด สุขุม ลึกซึ้ง ซึ่งถ้าไม่พิจารณาโดยละเอียดรอบคอบแล้ว ก็จะทำให้เข้าใจคลาด เคลื่อนได้ ถ้าผู้ใดไม่พิจารณาโดยละเอียดถูกต้องจริงๆ ก็จะไม่พบพระธรรมที่แท้จริงและ ไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวกทั้งหลาย ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมอย่างไร ถ้าเพียงแต่มีความสนใจในพระพุทธศาสนา แต่ไม่ ศึกษา ก็ไม่มีทางเข้าใจธรรมโดยถูกต้อง

ยอมรับตามความเป็นจริงว่ามีกิเลสมากสำหรับผู้เป็นปุถุชนตราบใดที่ยังไม่รู้ลักษณะ ของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แล้วจะให้กิเลสน้อย เป็นสิ่งที่เป็น ไปไม่ได้เลย เพียงแต่จะไม่รู้เท่านั้นเอง ว่าเป็นผู้ที่มีกิเลสมาก

ขณะใดที่เป็นกุศล ขณะนั้นเท่านั้นที่สงบ ถ้าไม่ใช่กุศล ย่อมไม่สงบ

ธรรมเป็นธรรม ธรรมคืออะไร ธรรมคือสิ่งที่มีจริงๆ แม้ในขณะนี้สิ่งที่มีจริงทั้งหมดเป็น ธรรม เห็นเป็นธรรม ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชา หรือ ทำให้เกิดเห็นขึ้นมาได้เลย ถ้าไม่มี ปัจจัยของเห็นที่จะเกิด ปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือว่า เมื่อมีจักขุปสาท (ตา) เกิดขึ้น เพราะกรรมเป็นปัจจัย มีสิ่งที่กระทบจักขุปสาทได้ คือ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา แต่ถ้าไม่ถึง กาละ (เวลา) ที่กรรมจะให้ผลคือทำให้เห็นสิ่งนั้น จิตเห็นก็เกิดไม่ได้

พระธรรมก็คือชีวิตประจำวัน แต่ลึกซึ้ง ซึ่งจะต้องเข้าใจแต่ละคำ ซึ่งบ่งถึงลักษณะ ของสภาพธรรมแต่ละอย่าง ให้เข้าใจถูกต้อง โดยที่ไม่ประมาท

การฟังพระธรรมไม่ใช่เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อชื่อเสียง หรือเพื่ออะไรเลยทั้งสิ้นแต่เพื่อ มีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มี ซึ่งไม่สามารถเข้าใจได้ถูกต้อง ถ้าไม่ได้ ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงด้วยพระมหากรุณา

ผู้ที่เป็นมิตรจริงๆ อดทนไหมที่จะเห็นประโยชน์ของมิตร เวลาเป็นมิตร จะไม่เห็นประโยชน์ของตนแต่จะเห็นประโยชน์ของผู้ที่เราเป็นมิตรกับเขา คือ เห็นประโยชน์ของคนอื่น ยอมสละแม้ความสุขเพื่อประโยชน์ของคนที่เป็นมิตรได้

ในขณะที่มีความเข้าใจถูกนั้น ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่ความไม่ดี ไม่ใช่ความไม่เข้าใจ ไม่ ใช่ความอยากได้ ไม่ใช่ความโกรธเคือง ไม่ใช่ความสำคัญตน เพราะกำลังมีความเข้าใจถูก ในสิ่งที่ปรากฏ

ถ้าเขาพูดผิด เราจะให้เขาพูดผิดอีกต่อไป หรือจะเกื้อกูลให้เขาได้เข้าใจว่า พูดผิดอย่างไร เพื่อเขาจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง? ผู้หวังดีจริงๆ คือ เกื้อกูลให้เขาไม่ต้องตกไปในฝ่ายผิด

ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จะรู้ไม่ได้เลยว่า อะไรถูก อะไรผิด

มีชีวิตอยู่เพื่อฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม น้อมประพฤติตามพระธรรม.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๕๒

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
namarupa
วันที่ 27 ก.ค. 2557

อนุโมทนาในกุศลเจตนาของอาจารย์คำปั่นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
h_peijen
วันที่ 27 ก.ค. 2557

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์คำปั่น อย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 27 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ใหญ่ราชบุรี-ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 27 ก.ค. 2557

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง

และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 27 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Noparat
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จะรู้ไม่ได้เลยว่า อะไรถูก อะไรผิด

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chamaikorn
วันที่ 29 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wannee.s
วันที่ 30 ก.ค. 2557

ถ้าไม่ฟังพระธรรม ก็เป็นโอกาสเป็นปัจจัยที่อกุศลจะเกิดมากมายเหลือเกินเพราะไม่รู้

อนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ