เหตุที่ศาสนาตั้งอยู่ได้ไม่นาน แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายในปางก่อน

 
dets25226
วันที่  1 ส.ค. 2554
หมายเลข  18845
อ่าน  8,865

ผมเรียนหนังสือ สมันตปาสาทิกา ครับ ท่านอาจารย์และเพื่อนๆ ได้ยินว่าท่านพระสารีบุตรทูลถามถึงเหตุที่ศาสนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มีพระวิปัสสีเป็นต้น ตั้งอยู่ได้ไม่นาน ข้อนี้ เพราะเหตุอะไรหรือครับ ผมจับประเด็นความไม่ได้ แล้วข้อที่ว่า "ด้วยอำนาจยุคคน" หมายความว่าอย่างไรครับ ขอท่านอาจารย์และเพื่อนๆ กรุณาชี้แจงเนื้อความตามที่เห็นสมควรด้วยครับ ผมนั้นไร้ที่พึ่ง ขอท่านทั้งหลาย เป็นที่พึ่งให้ผมด้วยครับ ด้วยความเคารพอย่างสูง....


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ขอเล่าอธิบายเหตุการณ์ที่อธิบายในพระไตรปิฎกได้อ่านที่เกี่ยวกับคำถามนี้ครับ

เวลาเย็น ท่านพระสารีบุตร ท่านเข้าไปในที่สงัด ได้เกิดความคิดขึ้นในใจว่า พระ

ศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนอยู่นาน ศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนอยู่

ได้ไม่นาน ท่านเลยเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลความคิดของท่านในเรื่องนี้ พระ

พุทธเจ้าตรัสว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี พระพุทธเจ้าสิขีพระพุทธเจ้า

เวสภู 3 พระองค์นี้ ศาสนาดำรงอยู่ไม่นาน ส่วนพระพุทธเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ โกนา

คมนะ กัสสปะ 3 พระองค์นี้ ศาสนาดำรงอยู่ได้นาน

ท่านพระสารีบุตร กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า เหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้พระศาสนาของ

พระพุทธเจ้า วิปัสสี สิขี เวสสภู ดำรงอยู่ไม่นาน

พระพุทธองค์แสดงว่า เพราะพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ แสดงธรรมไม่มาก และไม่มี

การบัญญัติสิกขาบทกับพระภิกษุ และไม่มีการแสดงปาฏิโมกข์กับพระภิกษุ เพราะเหตุนี้

จึงทำให้พระศาสนาของพระพุทธเจ้า วิปัสสี สิขีและเวสสภู ดำรงอยู่ไม่นาน คือ เมื่อ

พระพุทธเจ้าปรินิพพานและสาวกทีรู้ตามปรินิพพานแล้ว ภิกษุอื่นๆ ที่บวชภายหลังก็ไม่

สามารถประพฤติตามได้เหมาะสม เพราะไม่มีข้อบัญญัติสิกขาบทให้ประพฤติถูกต้อง ไม่

มีปาฏิโมกข์ และพระธรรมที่มีไม่มาก จึงทำให้พระศาสนาเสื่อมอย่างรวดเร็วครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 1 ส.ค. 2554

เปรียบเหมือนดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่สำหรับจะร้อยพวงมาลัย แต่ยังไมได้ร้อย เมื่อลม

พัดมาย่อมกระจัดกระจายได้ง่ายและรวดเร็วครับ เพราะเขายังไมได้ร้อยเป็นพวงมาลัย

นั่นเอง ดังเช่น พระศาสนาที่ไม่ได้มีการบัญญัติสิกขาบทให้พระภิกษุรุ่นหลังได้ประพฤติ

ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง และมีพระธรรมที่แสดงน้อย เมื่อเป็นเช่นนั้น พระภิกษุรุ่นหลัง

จึงไม่สามารถประพฤติตามพระธรรม ตามสิกขาบทเพราะไมได้บัญญัติสิกขาบทไว้ จึง

ทำให้พระศาสนาเสื่อมเร็วนั่นเองครับ

แต่ศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ โกนาคมนะและกัสสปะ ดำรงอยู่นาน

เพราะมีการแสดงพระธรรมมากและมีการบัญญัติสิกขาบท และแสดงปาฏิโมกข์กับพระ

ภิกษุ ทำให้พระภิกษุรุ่นหลังๆ แม้พระพุทธเจ้าและพระสาวกที่ได้ตรัสรู้จะปรินิพพานไป

แล้ว แต่ก็มีพระธรรมที่แสดงไว้มาก ไว้ศึกษาและที่สำคัญ มีสิกขาบทที่พระพุทธเจ้าได้

บัญญัติไว้เพื่อภิกษุทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติตาม อันเป็นการขัดเกลากิเลสและถึงการ

ดับกิเลสได้ เพราะฉะนั้น พระศาสนาจึงดำรงอยู่ได้นานนั่นเอง เปรียบเหมือน ดอกไม้

ต่างๆ ที่เขาร้อยไว้ดีแล้วเป็นพวงมาลัย เมื่อลมพัดก็ย่อมไม่ทำให้ดอกไม้กระจัดกระจาย

เพราะมีการร้อยเป็นพวงมาลัยแล้วครับ ฉันใด การมีการแสดงธรรมไว้มากและ การที่มี

การบัญญัติสิกขาบทไว้ จึงเป็นประโยชน์สำหรับพระภิกษุรุ่นหลังๆ เมื่อพระพุทธเจ้า

ปรินิพพานเพราะสามารถประพฤติขัดเกลาและปฏิบัติตามได้นั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 1 ส.ค. 2554

เมื่อท่านพระสารีบุตรทราบเหตุผลที่พระศาสนาจะดำรงอยู่นาน คือ มีการบัญญัติสิกขา

บทของพระภิกษุ ท่านพระสารีบุรก็ทูลขอให้บัญญัติสิกขาบทของพระภิกษุเลย เพื่อ

ให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่นาน แต่พระองค์ตรัสบอกว่า เราย่อมรู้เวลาอันควรที่จะบัญญัติ

เราย่อมไม่บัญญัติสิกขาบท หากยังไม่มีเรื่องเกิดขึ้น ที่เป็นกิเลสเกี่ยวกับเรื่องนั้นครับ

เมื่อเรื่องเกิดขึ้นที่ไม่สมควร พระองค์ถึงจะบัญญัติสิขาบท ข้อห้ามที่ไม่สมควรที่ภิกษุไม่

ควรทำ หากทำเป็นอาบัตินั่นเองครับ เปรียบเหมือนหมอผู้ฉลาด เมื่อโรคเกิดขึ้นที่

บริเวณใด จึงผ่าตัด รักษาที่บริเวณนั้น ที่โรคนั้น แต่เมื่อ โรคยังไม่เกิดขึ้น หรือ มีแผล

เกิดขึ้นที่บริเวณนั้น การไปผ่าตัด รักษาในสิ่งที่ยังเกิดย่อมไม่สมควรครับ

ดังนั้นจากที่กล่าวมาก็เป็นการแสดงถึงเหตุที่พระศาสนาของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ตั้งอยู่

ไมได้นานเพราะมีการแสดงธรรมน้อย ไม่มากและไม่มีการบัญญัติสิกขาบทของพระภิกษุ

ไม่มีการทำปาฏิโมกข์ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 1 ส.ค. 2554

ส่วนอีกคำถามหนึ่ง ในเรื่องเกี่ยวกับ ด้วยอำนาจยุคของคน

อธิบายดังนี้ครับ สำหรับอายุขัยของมนุษย์ แต่ละสมัยก็แตกต่างกันไป เช่น สมัยพระ

พุทธเจ้าเรา ก็มนุษย์มีอายุขัย 100 ปี สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ สองหมื่อนปี สมัยพระ

พุทธเจ้าวิปัสสี มนุษย์ยุคนั้นมีอายุขัย แปดหมื่นปี ดังนั้นพระศาสนาจะดำรงอายุได้ ตาม

ชั่วอายุคน มากบ้าง น้อยบ้าง เช่น สมัยพระพุทธเจ้าที่มนุษย์มีอายุยืนมากๆ เช่น พระ

พุทธเจ้าวิปัสสี มนุษย์มีอายุ แปดหมื่นปี คนที่บรรลุในช่วงสมัยที่พระพุทธเจ้ายังมีพระ

ชนม์อยู่มีมากเพราะว่าพระพุทธเจ้าอายุยืนนานมาก แต่เมื่อพระองค์ปรินิพพานไป ช่วง

อายุคนก็แปดหมื่นปี การสืบต่อ ด้วยอำนาจสืบชั่วคนแต่ละชั่วคนก็ไม่กี่ชั่วคนเท่านั้น

ศาสนาก็อันตรธานแล้ว เพราะแต่ละชั่วคนก็อายุตั้งยาวนาน แปดหมื่นปีครับ จึงได้ไม่กี่

ชั่วคนศาสนาก็อันตรธานไป แต่สมัยที่พระพุทธเจ้าที่มนุษย์มีอายุน้อย เช่น 100 ปี พระ

ศาสนาก็สามารถดำรงผ่านชั่วอายุคนได้หลายรุ่น เพราะว่าเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพาน

ไป อายุคนน้อย 100 ปี ก็สามารถผ่านไปหลายชั่วคน จนกว่าจะถึง 5 พันปีก็สามารถ

ผ่านไปหลายชั่วคนมาก กว่าพระศาสนาจะอันตรธาน ต่างกับสมัยที่พระพุทธเจ้าที่

มนุษย์มีอายุยืน ก็สามารถสืบต่อพระศาสนาไม่กี่ชั่วคนศาสนาก็อันตรธานแล้วครับ

ดังนั้นด้วยอำนาจยุคของคน ที่มีอายุต่างกันแต่ละยุค ความสืบต่อของแต่ละชั่วคนจึง

ต่างกันไม่เท่ากันนั่นเองครับ

ขอให้มีพระรัตนตรัย โดยเฉพาะพระธรรมเป็นที่พึ่งนะครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 1 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ ก่อนที่จะได้ทรงตรัสรู้ นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาตลอดระยะเวลายาวนานอย่างยิ่ง เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าซึ่งจะได้เกื้อกูลสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง เมื่อทรงตรัสรู้แล้ว ทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลก ทรงแสดงพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้โปรดเวไนยสัตว์ เพื่อให้มีความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงพร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตามจนกระทั่งสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้ในที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระธรรมที่พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงแสดงนั้น ไม่มีความแตกต่างกันเลย เหมือนกันทั้งหมด และเป็นพระธรรมที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษา และมีความเข้าใจ อย่างแท้จริง เพราะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อละอกุศล เป็นไปเพื่อดับทุกข์โดยประการทั้งปวง เป็นไปเพื่อการไม่เกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ โดยเฉพาะคำสอนที่เป็นหลักเป็นประธาน คือ การไม่ทำบาปทั้งสิ้น การยังกุศลให้ถึงพร้อม และ การยังจิตของตนให้ผ่องใส

ซึ่งมีอรรถที่ลึกซึ้งตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งสูงสุด คือ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ในยุคนี้สมัยนี้ เป็นกาลสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระสมณโคดม ซึ่งในขณะนี้ เป็นช่วงเวลาที่พระธรรมคำสอนของพระองค์ยังดำรงอยู่ บุคคลผู้ที่เข้าใจธรรมและแสดงธรรมตามที่พระองค์ทรงแสดง ก็ยังมีอยู่ จึงเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะได้ฟังได้ศึกษาให้เข้าใจ [ดังข้อความประโยคหนึ่งที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กล่าวเตือนไว้ว่า ศึกษาเถอะ ก่อนที่พระธรรมจะอันตรธาน] ซึ่งเป็นการยากอย่างยิ่ง ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้เกิดในช่วงที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ เมื่อได้ในสิ่งที่ได้โดยยากอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ควรปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ เพราะหนทางนี้ เป็นหนทางที่ละทั้งหมด ได้แก่ละกิเลส และละความไม่รู้ จนหมดสิ้น ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pat_jesty
วันที่ 2 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nong
วันที่ 2 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
dets25226
วันที่ 2 ส.ค. 2554

ชัดเจนครับ

ผมเรียนมาว่า คนแต่ก่อนนั้น กิเลสน้อย พระธรรมจึงมีน้อย

ต่างกับสมัยนี้ กิเลสเยอะ พระธรรมจึงมีเยอะ

อันนี้ เพราะเหตุแห่งการสั่งสมหรือ จะเป็นแห่งของอะไรครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 2 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 8 ครับ

คนบางยุค อายุยืนนาน บางสมัยพระพุทธเจ้าที่มนุษย์อายุยืนนาน กิเลสของสัตว์มี

น้อย สิกขาบท ไม่ต้องมี หรือ มีน้อย เพราะสัตว์ทั้งหลายประพฤติเหมาะสม บรรลุมาก

มายนับไม่ถ้วน แต่สมัยที่อายุขัยของมนุษย์น้อย สิกขาบทและพระธรรมมมีมาก เพราะ

สัตว์มากไปด้วยกิเลส เปรียบเหมือน สังคมถ้าไม่มีการทำผิด ทำดีกัน กฎหมายก็ไม่ต้อง

มีมากที่จะบังคับ บุคคลที่ทำผิดครับ ส่วนเหตุผลที่สัตว์มีกิเลสมาก พระพุทธเจ้าแสดง

ไว้ในเมื่อทรงตรวจดู มหาวิโลกนะ 5 ประการ (เมื่อคราวจะมาบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า)

คือ สิ่งที่เหมาะสมที่พระองค์จะบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้าว่า เหมาะสมหรือยัง คือ หาก

มนุษย์มีอายุขัยน้อย ต่ำกว่าร้อยปี สัตว์มีกิเลสมาก พระธรรมเทศนาที่พระองค์แสดง เมื่อ

สัตว์โลกได้ฟังก็ลืมเร็ว เหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำ ย่อมหายไปเร็วฉันนั้นครับ เพราะฉะนั้น

เพราะความที่สัตว์มีอายุขัยน้อย จึงมีกิเลสมาก เมื่อมีกิเลสมาก ก็ต้องมีการประพฤติผิด

มาก จึงมีการบัญญัติสิกขาบทไว้มาก และมีการแสดงพะรธรรมไว้มาก เพราะเพียงเล็ก

น้อย สัตว์ก็ยังไม่เข้าใจเพราะมากไปด้วยความไม่รู้และกิเลสนั่นเอง จึงต้องมีพระธรรม

เทศนาหลายนัย และต้องมีมาก จึงจะเข้าใจได้บ้างครับ ซึ่งการที่สัตว์มีอายุขัยน้อยลง

ก็เพราะการทำอกุศลกรรมมีเพิ่มขึ้นและการมีกิเลสเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ ดังนั้นบางยุคสัตว์

อายุยืนเพราะมีการกระทำกุศลกรรมมากนั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นไปตามยุคของอายุขัยของ

สัตว์และในช่วงนั้นก็แล้วแต่ว่าทำอกุศลกรรมาก หรือ กุศลกรรมมากก็เป็นการกำหนด

อายุขัยของมนุษย์ครับ ดังนั้นคนที่มีกิเลสน้อย กิเลสมากก็ตามช่วงเวลาของายุขัยของ

คน ที่กำหนดโดยการทำกุศลกรรมมาก หรือ อกุศลกรรมมากนั่นเองครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 2 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วิริยะ
วันที่ 3 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
aiatien
วันที่ 3 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ