อาหาร [สภาพที่นำมาซึ่งผล] ๔ ประการ

 
khampan.a
วันที่  29 ก.ย. 2552
หมายเลข  13768
อ่าน  2,764

[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 570

อธิบายว่า กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยพิเศษของรูปกาย ของสัตว์ทั้งหลายผู้มีกวฬิงการาหารเป็นภักษา (เป็นของกิน) ผัสสาหาร เป็นปัจจัยพิเศษของเวทนาในหมวดนาม มโนสัญเจตนาหารเป็นปัจจัยพิเศษของวิญญาณ วิญญาณเป็นปัจจัยพิเศษของนามรูป

ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ร่างกายนี้อาศัยอาหารจึงดำรง (ชีพ) อยู่ได้ ไม่มีอาหาร ดำรง (ชีพ) อยู่ไม่ได้ ฉันใด เหมือนอย่างเวทนาเกิดมีเพราะผัสสะเป็นปัจจัย วิญญาณเกิดมีเพราะสังขารเป็นปัจจัย นามรูปเกิดมีเพราะวิญญาณเป็นปัจจัย.

ถามว่า ก็ในอาหารวาระนี้ อาหารอะไร นำอะไรมาให้?

ตอบว่า กวฬิงการาหาร นำรูปมีโอชาเป็นที่ ๘ มาให้ (อวินิพโภครูป ๘), ผัสสาหาร นำเวทนา ๓ มาให้, มโนสัญเจตนาหาร นำภพทั้ง ๓ มาให้ วิญญาณาหาร นำนามรูปในปฏิสนธิมาให้. นำมาให้อย่างไร? (นำมาให้อย่างนี้) คือ ก่อนอื่น กวฬิงการาหาร เพียงแต่วางไว้ในปากเท่านั้นก็ก่อตั้งรูปทั้ง ๘ ขึ้น (สร้างรูปทั้ง ๘ ขึ้น) .

ส่วนคำข้าวแต่ละคำที่ฟันเคี้ยวให้ละเอียดกลืนลงไป จะก่อตั้งรูปขึ้นคำละ ๘ รูปทั้งนั้น. กวฬิงการาหาร นำรูปมีโอชาเป็นที่ ๘ มาให้อย่างนี้. ส่วนผัสสาหาร คือผัสสะที่จะให้เกิดสุขเวทนา เมื่อเกิดขึ้น จะนำสุขเวทนามาให้, ผัสสะที่จะให้เกิดทุกขเวทนา ก็เช่นนั้น คือจะนำทุกข์มาให้, ที่จะให้เกิดอทุกขมสุขเวทนา ก็จะนำอทุกขมสุขเวทนามาให้ ผัสสาหารจะนำเวทนาทั้ง ๓ มาให้โดยประการทั้งปวง ดังที่พรรณนามานี้. มโนสัญเจตนาหาร คือ กรรมที่จะให้เข้าถึงกามภพ จะนำกามภพมาให้, ที่จะให้เข้าถึงรูปภพและอรูปภพ ก็จะนำรูปภพและอรูปภพมาให้, มโนสัญเจตนาหาร จะนำภพทั้ง ๓ นำให้อย่างนี้ แม้โดยประการทั้งปวง. แต่วิญญาณาหารท่านกล่าวว่า จะนำขันธ์ทั้ง ๓ ที่สัมปยุตด้วยวิญญาณ นั้น และรูป ๓๐ อย่างที่เกิดขึ้น ด้วยสามารถแห่งสันตติ ๓ มาให้ โดยนัยแห่งปัจจัยมีสหชาตปัจจัยเป็นต้นในปฏิสนธิขณะ. วิญญาณาหาร นำนามรูป ในปฏิสนธิขณะมาให้อย่างนี้ดังนี้ .


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 29 ก.ย. 2552

[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 572

อนึ่ง ในอาหารวาระนี้ กุศลเจตนา และอกุศลเจตนา ที่ยังมีอาสวะอยู่นั้นแหละท่านกล่าวไว้ว่า มโนสัญเจตนาหาร จะนำภพทั้ง ๓ มาให้ ปฏิสนธิวิญญาณนั้นเองท่านกล่าวไว้ว่า วิญญาณจะนำนามรูปในปฏิสนธิขณะมาให้ แต่อาหาร ๓ อย่างเหล่านี้ พึงทราบว่าเป็นอาหารโดยไม่แปลกกัน เพราะนำมาซึ่งธรรมที่สัมปยุตกับด้วยวิญญาณนั้น และธรรมที่เป็นสมุฏฐานแห่งวิญญาณนั้น.

ในจำนวนอาหาร ๔ อย่างนั้น กวฬิงการาหาร เมื่อค้ำชู (ชีวิต) ไว้ ย่อมให้สำเร็จกิจ คือการนำ (รูป) มา ผัสสะ เมื่อถูกต้องอยู่นั้นแหละ (ย่อมให้สำเร็จกิจคือการนำเวทนามา) มโนสัญเจตนา เมื่อประมวลมาอยู่นั่นแหละ (ย่อมให้สำเร็จกิจคือการนำภพมา) วิญญาณ เมื่อรู้อยู่นั้นแหละ (ย่อมให้สำเร็จกิจคือการนำนามรูปในปฏิสนธิขณะมา) อย่างไร? (อย่างนี้คือ) ความจริง กวฬิงการาหาร เมื่อค้ำชู (ชีวิต) อยู่นั้นเอง จะมีการดำรงสัตว์ทั้งหลายไว้ โดยการดำรงกายไว้ เพราะว่าร่างกายนี้ ถึงกรรมจะแต่งให้เกิด กวฬิงการาหารก็ค้ำชูไว้ จึงดำรงอยู่ได้จนถึงกำหนดอายุ ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง เหมือนทารกที่มารดาให้เกิดแล้ว แม่นมให้ดื่มนมเป็นต้นเลี้ยงดูอยู่ จึงดำรงอยู่ได้นานแล. เหมือนเรือนที่ใช้ไม้ค้ำค้ำไว้. สมจริงตามพระพุทธพจน์ว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร เมื่อเรือนจะล้ม คนทั้งหลายจะเอาไม้อื่นมาค้ำไว้ เรือนนั้น ที่ถูกไม้อื่นค้ำไว้ทรงตัวอยู่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เรือนนั้น จะไม่ล้ม ฉันใด

ขอถวายพระพร มหาบพิตรพระราชสมภารเจ้า ร่างกายนั้น ก็ฉันนั้น เหมือนกันนั้นแล ดำรงอยู่ได้เพราะอาหาร อาศัยอาหาร จึงดำรงอยู่ได้. กวฬิงการาหาร เมื่อค้ำจุนร่างกายอยู่อย่างนี้ ย่อมชื่อว่า ให้สำเร็จหน้าที่ของอาหาร (การนำรูปมา) และแม้เมื่อให้สำเร็จอาหารกิจอยู่อย่างนี้ กวฬิงการาหารก็ชื่อว่าเป็นปัจจัยของรูปสันตติ ๒ อย่างคือ เป็นปัจจัยของรูปที่มีอาหารเป็นสมุฏฐานด้วย รูปที่ตัณหาและทิฏฐิถือเอาแล้วด้วย กวฬิงการาหารเป็นสิ่งที่ตามรักษากัมมชรูป (รูปเกิดแต่กรรม) และเป็นผู้ให้กำเนิดแก่รูปที่มีอาหารเป็นสมุฏฐานดำรงอยู่ได้. ส่วนผัสสะ เมื่อถูกต้องอารมณ์ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งความสุขเป็นต้นอยู่นั้นแหละ ชื่อว่ามีอยู่ เพื่อการดำรงอยู่แห่งสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการหมุนเวียนไปแห่งสุขเวทนาเป็นต้น. มโนสัญเจตนา เมื่อประมวลไว้ ด้วยสามารถแห่งกุศลกรรมและอกุศลกรรมอยู่นั้นแหละ ชื่อว่ามีอยู่เพื่อการดำรงอยู่แห่งสัตว์ทั้งหลาย โดยการยังรากเหง้าของภพให้สำเร็จ. วิญญาณ เมื่อรู้อยู่นั้นแหละ ชื่อว่ามีอยู่เพื่อการดำรงอยู่แห่งสัตว์ทั้งหลายโดยการเป็นไปแห่งนามรูป.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สามารถ
วันที่ 1 ต.ค. 2552

ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สามารถ
วันที่ 1 ต.ค. 2552

พี่คำปั่นครับ แล้ว " (อะไรสักอย่าง) ๕ " ที่ประกอบด้วย ไออุ่น ลมหายใจ, ..., ..., ...,

พอจะทราบไหมครับว่า เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไร?

ช่วยหาให้อ่านหน่อยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
prachern.s
วันที่ 2 ต.ค. 2552

ความเห็นที่ 3 คงหมายถึง

ชีวิตน้อยเพราะมีกิจน้อยอย่างไร ชีวิตเนื่องด้วยลมหายใจเข้า เนื่องด้วยลมหายใจออก เนื่องด้วยลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เนื่องด้วยมหาภูตรูป เนื่องด้วยไออุ่น เนื่องด้วยกวฬิงการาหาร เนื่องด้วยวิญญาณ.

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 2 ต.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรียน ความเห็นที่ 3 และ ขอขอบพระคุณ อาจารย์ prachern.s ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับชีวิตเนื่องด้วยปัจจัยต่างๆ ได้ที่นี่ ครับ

ชีวิตเนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่าง

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
udomjit
วันที่ 16 มิ.ย. 2555

กราบอนุโมทนาค่ะ วันนี้มีโอกาสร่วมพานักศึกษาไปศึกษาธรรมที่วัดในเมือง พระท่านกล่าวถึงมโนสัญเจตนา และวิญญาณในเรื่องอาหารทั้ง ๔ ไว้ แต่สำหรับดิฉันยังไม่ชัดเจนค่ะ เมื่อมีช่วงเวลาก็นึกหาที่พึ่งในการไต่ถาม และไม่เคยผิดหวังเลยในการเข้าสืบค้นจากกระดานสนทนา

อนุโมทนาทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับ website และกระทู้ข้อสนทนาทุกข้อค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ