การกำเนิดโลก และมนุษย์ต้นกัปป์ [อัคคัญญสูตร]

 
เมตตา
วันที่  11 มี.ค. 2552
หมายเลข  11591
อ่าน  9,264

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 150 - 153

ข้อความบางตอนจาก...

อัคคัญญสูตร

[๕๖] ดูก่อนวาเสฏฐะและภารทวาชะ มีบางสมัยบางคราว โดยอันล่วงไปแห่งกาลอันยาวนาน โลกนี้ก็จะพินาศไป เมื่อโลกกำลังพินาศอยู่ โดยมากหมู่สัตว์ย่อมวนเวียนไปเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม ในชั้นอาภัสสรพรหมนั้น สัตว์เหล่านั้นมีความสำเร็จได้โดยทางใจ มีปีติเป็นภักษา มีรัศมีเอง ท่องเที่ยวไปได้ในอากาศ ดำรงอยู่ในวิมานอันแสนงาม ย่อมดำรงอยู่ได้สิ้นกาลยืดยาวนาน.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 11 มี.ค. 2552

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ มีสมัยอีกบางครั้ง โดยอันล่วงไปแห่งกาลยืดยาวนาน โลกนี้ย่อมเจริญขึ้น เมื่อโลกกำลังเจริญขึ้น โดยมากเหล่าสัตว์ก็จะพากันเคลื่อนจากพวกอาภัสสรพรหมมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก และสัตว์เหล่านั้นมีความสำเร็จได้โดยทางใจ มีปีติเป็นภักษา มีรัศมีเอง ท่องเที่ยวไปในอากาศได้ ดำรงอยู่ในวิมานอันงดงาม ย่อมดำรงอยู่ตลอดกาลยืดยาวนาน.

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ก็โดยสมัยนั้นแลจักรวาลนี้ก็จะกลายเป็นน้ำไปหมด มีความมืด มองไม่เห็นทั้งดวงจันทร์ และ ดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฏ ดวงดาวนักษัตรก็ยังไม่ปรากฏ กลางวันกลางคืนก็ไม่ปรากฏ เดือนหนึ่งกึ่ง เดือนหนึ่งก็ยังไม่ปรากฏ ฤดูและปีก็ยังไม่ปรากฏ หญิงชายก็ยังไม่ปรากฏ. หมู่สัตว์ทั้งหลายก็ถึงการนับว่า สัตว์ดังนี้อย่างเดียวกัน.

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ในกาลบางคราว โดยอันล่วงได้แห่งกาลยืดยาวนาน ง้วนดินก็เกิดลอยอยู่บนน้ำปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้น เหมือนน้ำนมสดที่บุคคลเคี่ยวแล้วทำให้เย็นสนิทแล้วปรากฏเป็นฝ้าอยู่ข้างบนฉะนั้น ง้วนดินนั้นได้สมบูรณ์ด้วยสี กลิ่น รส มีสีคล้ายเนยใสอย่างดี และเนยข้นอย่างดีฉะนั้น และได้มีรสอันน่าชอบใจ เหมือนน้ำผึ้งอันปราศจากโทษฉะนั้น.

ดูก่อน วาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ที่นั่นแล มีสัตว์บางตนมีชาติโลเลกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ สิ่งที่ลอยอยู่นี้ จะเป็นอะไรดังนี้แล้วเอานิ้วมือช้อนเอาง้วนดินขึ้นมาลิ้มดู เมื่อเขากำลังเอานิ้วมือช้อนง้วนดินขึ้นมาลิ้มอยู่ ง้วนดินที่ได้ซ่านไปทั่ว ความอยากจึงเกิดขึ้นแก่เขา.

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ สัตว์เหล่าอื่นแลก็ถึงทิฏฐานุคติของสัตว์นั้น ก็จะพากันเอานิ้วมือซ้อนง้วนดินนั้นขึ้นมาลิ้มดู. เมื่อสัตว์เหล่านั้นกำลังเอานิ้วมือช้อนเอาง้วนดินนั้นขึ้นมาชิม ง้วนดินก็แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์ และตัณหาก็เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 11 มี.ค. 2552

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ที่นั้นแล สัตว์เหล่านั้นจะพากันพยายามเอามือปั้นง้วนดิน ปั้นทำให้เป็นคำเพื่อที่จะบริโภค.

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ เมื่อใดแลที่สัตว์เหล่านั้นพยายามที่จะเอามือปั้นง้วนดินทำเป็นคำเพื่อที่จะบริโภค เมื่อนั้นรัศมีเฉพาะตัวของสัตว์เหล่านั้นก็จะหายไป. เมื่อรัศมีเฉพาะตัวหายไป พระจันทร์และพระอาทิตย์ก็ปรากฏขึ้นมา เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์ปรากฏขึ้นแล้ว หมู่ดาวนักษัตรก็จะปรากฏ เมื่อหมู่ดาวนักษัตรปรากฏแล้ว กลางคืนและกลางวันก็ปรากฏ เมื่อกลางคืนกลางวันปรากฏแล้วเดือนหนึ่ง กึ่งเดือนหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้น เมื่อเดือนหนึ่ง และ กึ่งเดือนหนึ่งปรากฏขึ้นแล้ว ฤดูและปีก็ปรากฏขึ้น.

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ด้วยเหตุเพียงประมาณเท่านี้แล โลกนี้ก็ย่อมเจริญขึ้นมาอีก.

[๕๗] ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ ครั้งนั้นแล สัตว์เหล่านั้นพากันบริโภคง้วนดิน มีง้วนดินเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ดำรงอยู่ตลอดกาลยืดยาวนาน.

ดูก่อนวาเสฏฐะ และ ภารทวาชะ สัตว์เหล่านั้นบริโภคง้วนดิน มีง้วนดินนั้นเป็นภักษาเป็นอาหาร ได้ตั้งอยู่ตลอดกาลยืดยาวนานโดยประการใดแล ความแข็งแกร่งก็เกิดมีในกายของสัตว์เหล่านั้น ความมีผิวพรรณดีก็ได้ปรากฏชัดขึ้นมา สัตว์บางพวกก็มีผิวพรรณดี บางพวกก็มีผิวพรรณเลว. บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดมีผิวพรรณดี สัตว์เหล่านั้นก็ดูหมิ่นสัตว์ที่มีผิวพรรณเลวว่า เรามีผิวพรรณดีกว่าสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่านั้นมีผิวพรรณเลวกว่าเราดังนี้. เมื่อสัตว์เหล่านั้นเกิดมีมานะถือตัว เพราะการดูหมิ่นเรื่องผิวพรรณเป็นปัจจัย ง้วนดินก็ได้อันตรธานหายไป. เมื่อง้วนดินหายไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นจึงประชุมกัน ครั้นประชุมกันแล้วต่างก็พากันทอดถอนใจว่า รสดี รสดีดังนี้. แม้ในทุกวันนี้พวกมนุษย์ได้ของมีรสดีบางอย่างเท่านั้น ก็พากันกล่าวอย่างนี้ว่า รสดี รสดี ดังนี้ หมู่พราหมณ์ทั้งหลายพากันอนุสรณ์ถึงอักขระที่รู้กันว่าเป็นของเลิศเป็นของเก่านั้น แต่หาได้รู้ถึงความหมายของอักขระนั้นเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 6 พ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 15 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 27 ม.ค. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธรรมะหน้าเดียว
วันที่ 17 ก.ค. 2554

ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่พระพุทธเจ้าไม่ได้แสดงไว้ หลายๆ เรื่องเป็นเรื่องความรู้ไม่ก่อให้เกิดการละคลายกิเลส แต่ชาวโลกเราอยากรู้กันมาก เช่น การกำเนิดโลก การสร้างโลก การทำลายของโลกของจักรวาล เราอยากรู้เรื่องที่ไกลๆ ตัว แต่เรื่องที่ใกล้ตัวคือวิธีเจริญสติในการที่ละคลายกิเลส ส่วนใหญ่มักลืม ซึ่งจะทำให้หลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด ต่อให้โลกจะถูกทำลาย จักรวาลจะพินาศก็ไม่มีผลต่อผู้ปฎิบัติบรรลุมรรคผล

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kingman
วันที่ 7 ก.ย. 2554

เพิ่งสมัครสมาชิกใหม่ ใคร่อยากศึกษาพระไตรปิฎกและรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับศาสนา เพราะในใจเชื่อมาโดยตลอดว่าศาสนาไม่ใช่ส่วนเกินของชีวิต หากแต่เป็นส่วนประกอบสำคัญและองค์ประกอบหนึ่งของชีวิต จึงขอความกรุณาศึกษาผ่านเว็ปไซต์นี้ได้หรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
SRPKITT
วันที่ 9 ต.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Jeab333
วันที่ 9 มี.ค. 2555

ช่วยขยายความเป็นภาษาทางโลก ให้ด้วยนะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
boonpoj
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
lovedhamma
วันที่ 10 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
นิติ
วันที่ 13 เม.ย. 2559

กราบอนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ธ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ