พึงทำความขัดเกลาตนเอง


    ส.    ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ฆ่าสัตว์ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากปาณาติบาต คงจะเคยตั้งใจกันบ้างแล้ว ใช่ไหมคะ อย่างนี้ที่จะขัดเกลา การฆ่าสัตว์โดยเป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้ลักทรัพย์ ในข้อนี้ เราทั้งหลาย

    จักงดเว้นจากการอทินนาทาน  เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเสพเมถุนธรรม ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักประพฤติพรหมจรรย์  เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวเท็จ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากมุสาวาท  เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวคำส่อเสียด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากปิสุณาวาจา  เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวคำหยาบ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจากผรุสวาท  เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักกล่าวคำเพ้อเจ้อ ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักงดเว้นจาก สัมผัปลาปะ เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมักเพ่งเล็งภัณฑะของผู้อื่น ในข้อนี้เราทั้งหลายจักไม่เพ่งเล็งภัณฑะของผู้อื่น  เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีจิตพยาบาท ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่มีจิตพยาบาท   เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักมีความเห็นผิด ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักมีความเห็นชอบ ข้อความต่อไปก็เป็นเรื่องของทำความขัดเกลาโดย  จักมีความดำริชอบ

    จักมีวาจาชอบ  จักมีการงานชอบ  จักมีอาชีพชอบ  จักมีความเพียรชอบ  จักมีสติชอบ

    จักมีสมาธิชอบ ซึ่งก็เป็นมรรคมีองค์ ๘  นอกจากนั้นก็คือจักมีญาณปรีชาชอบ  จักมีวิมุติชอบ คือไม่ปฏิบัติผิด แล้วก็ไม่รู้ผิด แล้วก็ไม่พ้นผิด  นอกจากนี้ก็ยังมี การขัดเกลาอีกมากมายซึ่งเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เราทั้งหลายจักปราศจากถิ่นมิทธะ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน เราทั้งหลายจักห้ามพ้นจากวิจิกิจฉา  เราทั้งหลายจักไม่มีความโกรธ  เราทั้งหลายจักไม่ผูกโกรธไว้  เราทั้งหลายจักไม่ลบหลู่คุณท่าน  เราทั้งหลายจักไม่ยกตนเทียมท่าน

    เราทั้งหลายจักไม่มีความริษยา ทjานผู้ฟังพิจารณา ว่า ยังมีอยู่หรือเปล่า แล้วถ้ายังมีอยู่ควรที่จะไม่มีไหมคะ ซึ่งอกุศลธรรมเหล่านี้  เราทั้งหลายจักไม่มีความตระหนี่  เราทั้งหลายจักไม่โอ้อวด เราทั้งหลายจักไม่มีมารยา  เราทั้งหลายจักไม่ดื้อด้าน  เราทั้งหลายจักไม่ดูหมิ่นท่าน เราทั้งหลายจักเป็นผู้ว่าง่าย  เราทั้งหลายจักมีกัลยาณมิตร  เราทั้งหลายจักเป็นคนไม่ประมาท

    เราทั้งหลายจักเป็นคนมีศรัทธา  เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีหิริในใจ  เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีโอตตัปปะ  เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีสุตะมาก ในขณะที่กำลังฟัง คือการที่จะอบรมการเป็นผู้ มีสุตะมาก  เราทั้งหลายจักเป็นผู้ปรารภความเพียร  เราทั้งหลายจักเป็นผู้มีสติดำรงมั่น   เราทั้งหลายจักเป็นคนถึงพร้อมด้วยปัญญา   เธอทั้งหลายพึงทำความขัดเกลาว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นคนลูบคลำทิฏฐิของตน ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยยาก  ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักไม่เป็นผู้ลูบคลำทิฏฐิของตน  ไม่ยึดถืออย่างมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย  พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ดูกรจุนทะ เราย่อมกล่าว แม้จิตตุปบาทว่า มีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย คือหมายความว่า เพียงชั่วขณะจิตเดียว ที่เป็นกุศลเกิดขึ้น ก็มีอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ก็จะต้องกล่าวไย ในการจัดทำให้สำเร็จ ด้วยกาย ด้วยวาจาเล่า เพราะเหตุนั้นแหละ จุนทะ เธอทั้งหลายพึงให้จิตเกิดขึ้นว่า ชนเหล่าอื่นจักเป็นผู้เบียดเบียนกัน ในข้อนี้ เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่เบียดเบียนกัน  แล้วก็ข้อความซ้ำต่อไป  ทรงแสดงให้เห็นว่าไม่ควรจะประมาท กุศลกรรมเลย แม้เพียงชั่วขณะจิตเดียว  ก็มีอุปการะมาก  เพราะฉะนั้น ถ้าขวนขวายจนกรทั่งให้สำเร็จ ด้วยกาย ด้วยวาจา ก็ยิ่งจะเป็นอุปการะมากยิ่งขึ้น พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ดูกรจุนทะ เปรียบเหมือนทางที่ไม่เรียบ ก็พึงมีทางเส้นอื่นที่เรียบ สำหรับหลีกทางที่ไม่ราบเรียบนั้น  นี่ทรงแสดงถึงมรรค ซึ่งเป็นหนทางที่จะขัดเกลากิเลส  อนึ่ง เปรียบเหมือนท่าที่ไม่ราบเรียบ ก็พึงมีท่าอื่นที่ราบเรียบ สำหรับหลีกท่าที่ไม่ราบเรียบนั้น ความไม่เบียดเบียนก็ฉันนั้นแล เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้เบียดเบียน


    หมายเลข 5173
    19 ส.ค. 2558