ต้องมีพื้นฐานพระอภิธรรมที่มั่นคง


    วันนี้ก็เป็นวันที่เราจะเริ่มพื้นฐานพระอภิธรรม ซึ่งฟังดูแล้วก็รู้สึกเหมือนกับอาจจะบางคนคิดว่าขั้นต้นเหลือเกิน เพราะใช้คำว่าพื้นฐานของพระอภิธรรม แต่ว่าตามความเป็นจริง ถ้าเราเข้าใจว่าธรรมคืออะไร เราจะเข้าใจทันทีว่า ถ้าไม่มีพื้นฐานที่มั่นคง เราก็จะศึกษาธรรมได้อย่างที่ไม่ชื่อว่าเข้าใจจริงๆ เพราะว่าเราอาจคิดว่าเป็นเพียงคำ เป็นภาษา หรือเป็นตัวหนังสือ แต่ทั้งหมดที่ทรงแสดงไว้ในสามปิฎกก็เป็นสัจจธรรม คือเป็นธรรมที่มีจริงๆ ที่สามารถที่จะเข้าใจได้ไม่ว่าในกาลไหน เช่นในขณะนี้นะคะ ก็จะต้องเข้าใจว่าการศึกษาธรรม คือมีสภาพธรรมที่มีจริงๆ และก็กำลังปรากฏ ซึ่งก่อนที่จะได้ศึกษาเราไม่เคยคิดเลยาสิ่งซึ่งมีจริงๆ ในขณะนี้ เช่นกำลังเห็น จะอยู่ในพระไตรปิฎก เป็นพระธรรมเทศนาหลากหลายมากมายทั้งสามปิฎก ทั้งๆ ที่วันหนึ่งๆ ก็มีเห็น มีได้ยิน มีได้กลิ่น มีลิ้มรส มีรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แล้วก็มีคิดนึก ซ้ำไปซ้ำมา แต่ทำไมเป็นพระธรรมที่ทรงแสดงไว้มากมายในพระไตรปิฎก และอรรถกถา ก็แสดงว่าธรรมนี้แม้ว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏเป็นปกติ แต่ไม่ได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เพราะฉะนั้น ถ้าคิดถึงตามความเป็นจริงว่าก่อนได้ฟัง เราไม่สามารถที่จะได้เห็นพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะไม่รู้ว่าสามารถที่จะตรัสรู้สิ่งที่มีจริงๆ โดยละเอียดลึกซึ้ง ถูกต้อง จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสได้หมดไม่เหลือเลย ซึ่งการที่จะรู้ว่าแต่ละคนมีกิเลสมากมายสักแค่ไหน ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมก็ไม่สามารถจะรู้ได้ ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมเริ่มเห็นความต่างของก่อนฟังกับการที่เริ่มได้ฟัง ว่าก่อนฟังนี่ไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น มีชีวิตวันหนึ่งๆ ก็เรื่องของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ วงศาคณาญาติ บ้านเมือง ข่าวสารต่างๆ แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริงว่าขณะนั้น เป็นธรรม หรือเปล่า

    บางคนก็เข้าใจว่าธรรมอยู่ที่อื่น ไม่ใช่อยู่ที่สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้วธรรมคือในขณะนี้ ศึกษาสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ให้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ยาก หรือง่ายลองคิดดู ขอให้ทุกคนร่วมกันสนทนา

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ ๑


    หมายเลข 4890
    28 ธ.ค. 2566