กิริยาจิตของพระอรหันต์มี ๒ ประเภท


    ผู้ฟัง กุศลจิตเป็นเหตุให้เกิดกุศลวิบาก อกุศลจิตเป็นเหตุให้เกิดอกุศลวิบากจิต ทีนี้กิริยาจิตของพระอรหันต์เกิดจากอะไรมา ถึงมาเป็นกิริยาจิต

    ท่านอาจารย์ โดยชาติว่า เกิดเป็นกิริยา

    ผู้ฟัง อะไรทำให้เป็นเหตุให้มีกิริยาจิต

    ท่านอาจารย์ ต้องมีเจตสิกซึ่งเป็นเหตุ แล้วก็มีปัจจัยอื่น เช่นถ้าเป็นมโนทวาราวัชชนจิต หรือปัญจทวาราวัชชนจิต หสิตุปปาทจิต เป็นอเหตุกะ ไม่มีเหตุเจตสิกเกิดร่วมด้วยเลย

    นี่แสดงให้เห็นความต่างกันของกิริยาจิตซึ่งประกอบด้วยเหตุของพระอรหันต์ แทนกุศล และอกุศลของผู้ที่มิใช่พระอรหันต์ นั่นเป็นสเหตุกจิต ต้องมีอโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วย มีอโมหเจตสิก มีอโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย อย่างจิตของเราที่เป็นกุศลก็จะต้องมีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย ขณะนั้นต้องมีอโลภะ มีความไม่ติดข้อง แล้วก็ต้องมีอโทสะเกิดร่วมด้วยในขณะที่กุศลจิตเกิด แต่สำหรับพระอรหันต์ท่านก็มีอโลภเจตสิก ท่านก็มีอโทสเจตสิก แต่ทั้งอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และเจตสิกอื่นๆ ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดวิบากอีก

    เพราะฉะนั้นโดยชาติ แม้ว่าจิตขณะนั้นสำหรับปุถุชน และคนที่ไม่ใช่พระอรหันต์เป็นกุศล แต่สำหรับพระอรหันต์เป็นกิริยา

    เพราะฉะนั้นจะกล่าวว่าอาศัยอะไร ก็ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง อย่างพระอรหันต์ไม่มีกิเลสเลย เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าเจตสิกประเภทเดียวกันเกิด แต่จะไม่เป็นปัจจัยให้เกิดวิบาก เพราะฉะนั้นจึงเป็นกิริยา ท่านอุปมาเหมือนดอกไม้ซึ่งไม่ให้ผล

    ผู้ฟัง ทีนี้กิริยาจิตของพระอรหันต์กับกิริยาจิตของปุถุชน เช่น มโนทวาราวัชชนจิตกับปัญจทวาราวัชชนจิต ผลที่เป็นมาก็คงจะต้องต่างกัน

    ท่านอาจารย์ ต้องเรียนถึงปัจจัย และต้องทราบโดยเหตุว่าเพราะเป็นอเหตุกะ เหมือนกัน พระอรหันต์ก็มีอเหตุกะ คนธรรมดาก็มีอเหตุกะ เพราะเหตุว่าเป็นจิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ

    ผู้ฟัง เป็นจิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่กุศล เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่อกุศล

    ผู้ฟัง เป็นจิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุด้วยกัน

    ท่านอาจารย์ ถ้าเป็นกุศลอกุศลก็ต้องมีเหตุเกิดร่วมด้วย แต่กิริยาพวกนี้ไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย

    ผู้ฟัง คือถามว่า กิริยาจิตมีอะไรเป็นเหตุมา ถ้าเราอยากได้กิริยาจิตอย่างเช่นจิตของพระอรหันต์มากๆ จะต้องทำอย่างไร

    ท่านอาจารย์ แย่เลย อยากได้ อยากได้ก็ไม่ถึง


    หมายเลข 8969
    23 ธ.ค. 2566