ความหมายของ อกาลิโก
จารุพรรณ เดี๋ยวขอย้อนกลับไปที่คำว่า “อกาลิโก” เคยได้ยินคำแปลว่า ไม่ประกอบด้วยกาลเวลา หมายถึงว่าผ่านมา ๒,๕๐๐ กว่าปี ก็ยังใช้ได้ อย่างนี้เป็นคำแปลที่ถูกต้องหรือเปล่าคะ
สมพร คือเราเข้าใจคำว่า “อกาลิโก” บางคนเข้าใจคลาดเคลื่อน คลาดเคลื่อนหมายความว่าไม่ใช่คุณของพระธรรมที่ประเสริฐจริงๆ เช่น เขากล่าวว่าจะทำกุศลเมื่อไรก็ได้ อย่างนั้นก็ถูก ไม่ผิด แต่คำว่าอกาลิโกนี้หมายถึง คุณของพระธรรมให้ผลติดต่อกันไป ขณะใดเราบรรลุพระอริยคุณ คือ บรรลุมรรค ก็ให้ผลทันทีขณะบรรลุ ท่านเปรียบเหมือนว่า ขณะที่เราบรรลุมรรค แม้มีศิลาที่ลอยอยู่บนศีรษะของเรา มีคนเอาเชือกผูกไว้ด้วยด้าย ๓ เส้น ด้ายหรือเชือก ๓ เส้น ขาดไป ๒ เส้น เหลืออีกเส้นหนึ่ง ขณะที่มรรคจิตเกิด ผลจิตยังไม่เกิด ยังไม่ให้คุณ เชือกเส้นนั้นยังไม่ขาด ศิลาก้อนใหญ่ ด้วยอำนาจธรรมคุณ คือ ด้วยอำนาจมรรคหรือโลกุตรมรรค แต่ว่าเมื่อมรรคเกิดแล้วผลก็เกิดขึ้นให้ผลในระหว่างนี้ เรียกว่าไม่มีระหว่างคั่น แล้วตอนหลังเชือกจะขาดหรือไม่ขาดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะศิลาใหญ่เท่าเรือนยอด ท่านอุปมาไว้ ผูกไว้บนศีรษะ แม้เชือกขาดไปแล้ว ๒ เกลียว เหลืออีกเกลียวเดียว ผลจิตยังไม่เกิด ศิลาก็ยังไม่ตกลง ต้องให้เกิดเสียก่อน มรรคเกิด ผลเกิดติดต่อกันไปอย่างนี้ แต่ที่ถามบอกว่า ล่วงมา ๒,๕๐๐ ปี คงจะมุ่งว่า มุ่งอย่างไรครับก็ยังสงสัยอยู่
จารุพรรณ หมายถึงเป็นธรรมไม่ประกอบด้วยกาล คล้ายว่าไม่ล้าสมัย ไม่ว่าเป็น ๕,๐๐๐ ปี หมื่นปี กี่พันปีก็ตาม
สมพร คือว่าตามลักษณะที่ว่านี้ ถ้าเป็นธรรมคุณจริงๆ ก็ต้องไม่ประกอบด้วยกาลทุกยุคทุกสมัย เมื่อมรรคจิตเกิด เมื่อบรรลุอริยมรรคแล้ว ต่อจากอริยมรรคนั้น แล้วก็อริยผลเกิดขึ้น เรียกว่าไม่ประกอบด้วยกาล ไม่มีเวลาอื่นคั่นเลย เรากระทำทานขณะนี้ ชาตินี้ไม่รวย ชาติหน้าเรารวย หรือชาติหน้ายังไม่ให้ผล ชาติโน้นๆ ใช่ไหมครับ แต่มรรคจิตเกิดขึ้นขณะจิตเดียวแล้วให้ผลทันทีทันใด เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์ จะมีอะไรก็เชิญอาจารย์
ท่านอาจารย์
สมพร แปลว่าไม่ประกอบด้วยกาล
ท่านอาจารย์
สมพร ครับ
ท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์
สมพร มีในอรรถกถาท่านกล่าวเจาะจงไว้เลยว่า อกาลิโกในที่นี้ใช้กับธรรมคุณเท่านั้นนะครับ
ท่านอาจารย์
สมพร ใช่ครับ
ท่านอาจารย์
สมพร ในที่อื่นความหมายคนละอย่างครับ
ท่านอาจารย์
สมพร เฉพาะ ๖ ข้อนี้
ท่านอาจารย์
สมพร ไม่ได้หมายถึงเฉพาะ พระธรรมคุณ ๖ อย่าง ก็มีความหมายอีกอย่างหนึ่ง หลายอย่างครับ แล้วแต่จะตีความหมายไป