ศึกษาจนกว่าจะเห็นคุณพระธรรม


    อุไรวรรณ   ท่านอาจารย์คะ การที่จะเจริญกุศลทุกประการนั้น นอกจากทานศีลแล้ว การฟังธรรม อย่างเช่นที่เรามาฟังธรรมวันนี้ ก็เป็นกุศลขั้นหนึ่งใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์    เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก  ถ้าท่านผู้ฟังไม่รีบร้อน แล้วก็รู้ว่า กิเลสมีเยอะ  แล้วก็จะต้องอาศัยศรัทธา การที่จะต้องฟังธรรมต่อไป แล้วก็เป็นผู้ที่จะขัดเกลา คือเริ่มมีความเห็นถูก แล้วก็ตั้งตนไว้ถูกในจุดประสงค์ของการฟังว่า เพื่อขัดเกลากิเลส ก็จะมีความใกล้ชิดต่อพระศาสนา เป็นอุบาสก อุบาสิกาที่แท้จริง

    ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งเราก็น่าจะพิจารณาเป็นขั้น ๆ ได้ เพราะว่าฟังดูเหมือนง่าย แต่ความจริงทุกอย่าง ถ้าเริ่มต้นถูก ทุกอย่างจะเร็วขึ้น แล้วก็จะตรงขึ้น

    เพราะฉะนั้นถ้ากล่าวว่าชาวพุทธควรจะศึกษาธรรมเพียงใด คำตอบก็คือว่าเพื่อให้เห็นพระคุณของพระธรรม เพราะเหตุว่าไมใช่ชาวพุทธที่ชื่อว่าชาวพุทธแล้ว จะเห็นพระคุณของพระธรรม แต่ว่าผู้ที่จะเห็นพระคุณของพระธรรมได้ ต้องเป็นผู้ที่เริ่มศึกษาพระธรรม

    เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าใครก็ตามที่เป็นชาวพุทธแล้วก็คิดว่า ไม่จำเป็นต้องศึกษาพระพุทธศาสนาเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คือว่า ผู้นั้นไม่มีคำตอบข้อนี้ที่ว่า ชาวพุทธควรจะศึกษาพระธรรมเพียงใด แต่ถ้ากล่าวว่า ชาวพุทธควรจะศึกษาพระธรรมเพียงใดหมายความว่า ชาวพุทธผู้นั้นเห็นความสำคัญ เห็นคุณของพระธรรมเพียงใด แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนเห็นก่อน แต่การที่จะเห็นพระคุณ ต้องเริ่มจากการศึกษาพระธรรม เมื่อศึกษาพระธรรมแล้ว  ก็จะเริ่มเห็นพระคุณของพระธรรม แล้วถ้าจะกล่าวว่า จะศึกษาพระธรรมเพียงใด ก็คือว่า เพื่อให้เห็นพระคุณจนถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะเหตุว่าถ้าเราได้ยินข้อความธรรมที่เคยได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก  เช่น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คงจะไม่มีใครที่ไม่ได้ยินคำนี้เลยถ้าเป็นชาวพุทธ เพราะว่าพออะไรไม่เที่ยง ก็บอกว่าอนิจจัง  พอทุกข์เกิดขึ้น ป่วยไข้ได้เจ็บ สูญสิ้นทรัพย์สมบัติ มีความขุ่นข้องหมองใจ มีโรคภัย ก็บอกว่า ทุกข์ ชีวิตนี้เป็นทุกข์ วันนี้สบายดี แต่ชั่วขณะต่อไปก็อาจจะเป็นทุกข์ หรือว่าแม้แต่วันพรุ่งนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่า ใครจะเป็นทุกข์ เพียงใด มากน้อยแค่ไหน

    เพราะฉะนั้นพอมีทุกข์ก็บอกว่าทุกขัง หรือว่าเป็นทุกข์ แล้วพอทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดหวัง  ก็บอกว่าเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ แต่นี่เป็นการประมาท พระคุณของพระธรรม และก็ยังไม่เห็นคุณของพระธรรมจริงๆ  เพราะเหตุว่าคำพูดเหล่านี้ไม่ยาก ชาวพุทธที่ได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เด็กก็สามารถที่จะกล่าวได้ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ยังไม่เห็นคุณของพระธรรมที่ทรงแสดงจนกระทั่งชาวพุทธสามารถจะประพฤติปฏิบัติจนแทงตลอดลักษณะที่ไม่เที่ยง กำลังเกิดขึ้นและดับไป จึงเป็นทุกข์ในขณะนี้  และไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล 

    เพราะฉะนั้นการที่ว่าชาวพุทธควรจะศึกษาพระธรรมเพียงใด  ทุกท่านมีคำตอบอยู่แล้วคะ ถ้าท่านเป็นผู้ที่ตรงต่อการที่ศึกษาพระธรรมก็คือเพื่อให้เห็นคุณของพระธรรม จนกระทั่งประจักษ์ชัดในพระธรรมเช่น อนัตตา สภาพธรรมทั้งหลายไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพียงเท่านี้ อย่าเพียงพูดตาม  เพราะเหตุว่าพูดตามนั้นไม่ยาก แต่การที่จะรู้จริงๆ ว่า เมื่อไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ต้องพิจารณาแล้วว่า คนที่กล่าวคำนี้ เข้าใจในคำนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้ายังไม่เข้าใจก็ต้องศึกษา และเมื่อศึกษาแล้วเข้าใจแล้ว ก็เริ่มเห็นพระคุณในขั้นการศึกษา ที่ทำให้เข้าใจในสิ่งซึ่งไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน แล้วก็สิ่งนั้นก็สามารถที่จะพิสูจน์ได้

    เพราะฉะนั้นธรรม บางคนก็คิดว่าหญ้าปากคอก  บางทีเรื่องง่ายๆ ก็เอามาพูดอีก แต่ความจริงพูดเพื่อที่จะให้เห็นว่า ชีวิตจริงๆ คือธรรม แล้วก็ถ้าเราจะเรียนรู้ธรรมไป ๙ ปริเฉท หรือว่าสามารถที่จะอ่านพระไตรปิฎกได้ แต่ไม่สามารถที่จะประพฤติตามแม้ข้อเดียวในพระธรรม จะมีประโยชน์ไหม เช่น ความรู้ที่ว่า “ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา” แค่นี้ก็ไม่สามารถที่จะเป็นอนัตตาจริงๆ ได้แต่เพียงพูดตาม

    เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า เราจะต้องศึกษาพระธรรมจนกว่าจะเห็นคุณของพระธรรม แล้วก็สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมได้เพิ่มขึ้นด้วย จึงจะสมควรที่จะว่า ควรจะศึกษาพระธรรมเพียงใด ถ้ายังประพฤติปฏิบัติตามไม่ได้  ก็ยังต้องศึกษาไปอีก ศึกษาไปอีกจนกระทั่งเห็นพระคุณ จนกระทั่งซาบซึ้งในพระคุณ จนกระทั่งมีเหตุปัจจัยที่ทำให้สามารถจะประพฤติปฏิบัติตามได้ทุกสิ่งที่เป็นการเจริญขึ้นในทางธรรม จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์


    หมายเลข 8718
    11 ก.ย. 2558