ผลกรรม


    พระ   คนอื่นไม่ได้ฆ่าหมูแต่จน คนที่ฆ่าเป็ดก็รวย ลูกที่ออกมาก็รวยต่อ และจะไปรับผลกรรมกันเมื่อไร ตรงนี้เราจะอธิบายอย่างไรดีเพื่อให้เห็นชัดๆว่า กรรมมีจริงๆ

    ท่านอาจารย์    ไม่มีกรรมไหนที่ให้ผลทันที นอกจากโลกุตตรกุศล ทันทีที่เป็นโสตาปัตติมรรคจิตดับ โสตาปัตติผลจิต ซึ่งเป็นผลเกิดสืบต่อทันทีไม่มีระหว่างคั่น

    เพราะฉะนั้นกรรมข้ามภพข้ามชาติได้ ทำกรรมไว้แสนโกฏิกัปป์ แล้วผลเพิ่งเกิด อย่างที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอดีตกรรมของพระองค์เอง จากการที่ประชวรบ้าง ปวดพระเศียรบ้าง เนื่องจากกรรมในครั้งโน้นๆ ๆ ๆ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่า ทำวันนี้ ผลเกิดวันนี้ เพราะฉะนั้นกรรมก็มีกาลของกรรมเหมือนกันว่า กรรมใดในผลในปัจจุบันชาติ กรรมใดให้ผลในชาติต่อไป กรรมใดเมื่อไม่ให้ผลในชาติต่อไป ยังติดตามให้ผลต่อไปในสังสารวัฏ จนกว่าจะถึงปรินิพพาน

    เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเราจะคิดเอาเองหมด แต่ว่าคนนี้ทำอย่างนี้ ได้ผลอย่างนั้น นี่เราไม่ได้รู้ความจริง เราไม่รู้ความจริงแม้แต่ว่า กรรมได้แก่อะไร และผลของกรรมคืออะไร แต่ถ้ารู้ความจริงว่า กรรมคือความจงใจ ความตั้งใจที่เป็นกุศลหรืออกุศล เราก็จะรู้ได้ว่า ทุกๆขณะที่เราทำที่เกิดมาที่มีจิต จะต้องมีเจตนาเกิดกับจิตร่วมไปทุกครั้ง ไม่เคยมีจิตสักขณะเดียวที่ไม่มีเจตนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย และเจตนาเป็นความจงใจ ความตั้งใจ แต่ว่ามีทั้งกาย ทั้งวาจา และทั้งใจ อย่างทางกาย การที่จะเอื้อมมือไป เรามีความจงใจต้องการจะเอื้อมไป เจตนาซึ่งเป็นกรรมกระทำให้มีการเอื้อมไป สำเร็จกิจของการเอื้อมไป

    เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราตื่นขึ้นมาจะทำอะไรทั้งหมด ก็เป็นไปตามความจงใจหรือความตั้งใจ แต่ไม่ใช่เป็นอกุศลกรรมบถ แต่ว่าเกิดจากอกุศลจิต เพราะเหตุว่ายังไม่ได้เป็นอกุศลกรรมบถ ๑๐

    เพราะฉะนั้นก็จะแสดงให้เห็นว่า ความจงใจ หรือเจตนานั่นเองเป็นตัวกรรมที่จะทำให้เกิดผล ถ้ามีความจงใจที่เป็นอกุศลกรรม เช่น การฆ่า การลักทรัพย์ การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน เป็นต้น

    นั่นก็แสดงว่า เมื่อมีความจงใจที่มีการกระทำอย่างนั้นแล้ว ความจงใจหรือเจตนานั่นเอง จะทำให้เกิดผล คือ จิตที่เป็นวิบากเกิดขึ้นเพราะกรรมหรือความจงใจนั้น

    จะเห็นว่าทุกอย่างที่ทำ จะปราศจากเจตนาไม่ได้ เพียงแต่จะถึงขั้นที่เป็นอกุศลกรรมบถหรือไม่ถึง  เป็นแต่เพียงกุศลเจตนาหรืออกุศลเจตนา อย่างถ้าอาหารไม่เค็ม จืดไป เราก็มีเจตนาที่จะเติมน้ำปลา เจตนาอันนี้ก็จะทำให้กายเคลื่อนไหวไปกระทำกิจของการเติมน้ำปลานั้นสำเร็จลง นี่เป็นอกุศลจิต และเป็นกายทวาร แต่ไม่ใช่อกุศลกรรม เพราะเหตุว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่เจตนานี่แหละจะเป็นอกุศลกรรม เมื่อทำให้คนอื่นเดือดร้อน  ก็คือเจตนา ตัวจงใจนี่แหละ ซึ่งเมื่อทำสำเร็จเป็นกรรมแล้ว ก็ทำให้ผลข้างหน้า คือ จิตที่เป็นวิบากเกิดขึ้น

    “วิบาก” หมายถึงผลของกรรม เช่น เกิด ก็ต้องมาจากกรรมหนึ่ง ซึ่งถ้าเราปรารถนาจะให้คนนั้นตาย แล้วเราฆ่าสำเร็จ ถ้ากรรมนั้นให้ผล ก็ทำให้เราเกิดในนรก ได้รับความทุกข์เดือดร้อนต่างๆ เพราะเจตนาที่มีแล้วตั้งแต่ตอนกระทำที่ต้องการให้คนอื่นเป็นอย่างนั้น ขณะที่ต้องการให้คนอื่นเป็นอย่างไร นั่นแสดงว่า ตัวจิตของคนนั้นที่มีอกุศลกรรมถึงขั้นนั้น เพราะฉะนั้นก็จะสร้างให้จิตของคนนั้นเองที่จะเกิดข้างหน้าเป็นไปอย่างนั้น ซึ่งเป็นการรับผลของกรรม

    เพราะฉะนั้นให้ทุกคนย้อนกลับมาที่จิตใจของตัวเอง ให้รู้ว่า กรรมก็อยู่ที่จิตใจของเรานั่นแหละ ถ้าเป็นกุศลกรรม ก็คือขณะนั้นจิตดี ถ้าเป็นอกุศลกรรม ก็คือขณะนั้นจิตไม่ดี เพราะฉะนั้นผลที่ไม่ดีก็ตั้งแต่เกิด เกิดไม่ดี แล้วก็ยังเห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดี ได้กลิ่นไม่ดี ลิ้มรสไม่ดี รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสไม่ดี

    นี่คือผลของกรรมในชาติหนึ่งๆ เพราะทุกคนอยากเห็น อยากได้ยิน อยากได้กลิ่น อยากลิ้มรส อยากกระทบสัมผัสแต่สิ่งที่ดีๆ ทั้งนั้น มุ่งหน้าแสวงหากันทุกวันนี้ แสวงหาผลของกรรมที่ดี แต่กรรมที่เราทำมาที่จะให้ได้รับผลอย่างนั้นหรือเปล่า


    หมายเลข 8489
    10 ก.ย. 2558