ทบทวนปัจจัย - นิสสยปัจจัย
ปัจจัยที่ ๔ คือโดยนิสสยปัจจัย ได้แก่ สภาพธรรมที่เป็นปัจจัยนั้นเป็นปัจจัยแก่ปัจจยุปบันนธรรม โดยเป็นที่อาศัยของปัจจยุปบันนธรรม
คำว่า “นิสัย” หมายความถึงที่อาศัย เพราะฉะนั้นจิตและเจตสิกทั้ง ๒ อย่าง ต่างก็เป็นนิสสยปัจจัยแก่กันและกัน เพราะเหตุว่าต้องอาศัยกัน
ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ เช่นในภูมินี้ จิตของทุกท่าน ต้องอาศัยรูปเกิดขึ้น ไม่สามารถที่จะเกิดข้างนอกรูปร่างกายได้เลย เพราะฉะนั้นในขณะที่โลภมูลจิตดวงที่ ๑ ซึ่งเป็นโสมนัสสหคตัง ทิฏฐิคตสัมปยุตตัง อสังขาริกัง เกิดขึ้น ลองพิจารณาดูว่า อะไรเป็นนิสสยปัจจัย เป็นที่อาศัยเกิดของโลภมูลจิตดวงนี้
ได้กล่าวถึงแล้วทั้งหมดว่า จิตประเภทใดอาศัยรูปใดเกิด แต่ถ้ากล่าวถึงโลภมูลจิต ทุกคนมีโลภมูลจิต แต่ควรที่จะได้รู้ด้วยว่า เวลาที่โลภมูลจิตเกิด อาศัยรูปใดเป็นนิสสปัจจัย เป็นที่เกิด เป็นที่อาศัยเกิด พอที่จะทราบได้เองใช่ไหม ? ทางตาในขณะที่เห็น จักขุวิญญาณเกิดที่จักขุปสาท เพราะฉะนั้นจักขุปสาทเป็นนิสสยปัจจัย ที่อาศัยเกิดของจักขุวิญญาณ
สำหรับโลภมูลจิต เวลาที่เห็นแล้วชอบนี้ โลภมูลจิตมีรูปใดเป็นนิสสยปัจจัย เป็นที่อาศัยเกิด รูปใด ? เป็นที่อาศัยเกิดของโลภมูลจิต
โลภมูลจิตเกิดที่ไหน ? ต้องเกิดในตัวใช่ไหม ?
เพราะฉะนั้นที่เกิดมีอยู่ ๖ จักขุปสาท ๑ เป็นที่เกิดของจักขุวิญญาณจิต ๒ ดวง ที่กำลังเห็น โสตปสาท ๑ เป็นที่เกิดของโสตวิญญาณ ๒ ดวง ที่กำลังได้ยิน ฆานปสาท ๑ เป็นที่เกิดของฆานวิญญาณ ๒ ดวง ที่กำลังได้กลิ่น ชิวหาปสาท ๑ เป็นที่เกิดของชิวหาวิญญาณ ๒ ดวง ที่กำลังลิ้มรส กายปสาท ๑ เป็นที่เกิดของกายวิญญาณ ๒ ดวง ที่กำลังรู้กระทบสัมผัส เวลาที่เห็นหรือได้ยิน แล้วเกิดชอบพอใจ โลภมูลจิตนั้นเกิดที่รูปไหน ต้องมี
ถาม หมายความว่าเกิดที่อายตนรูปไหนใช่ไหมครับ หมายความว่าขณะที่เป็น ตาเห็นก็เกิดในจักษุ
สุ แต่โลภมูลจิต เฉพาะขณะเดียวที่เกิดขึ้น มีรูปใดเป็นนิสสยปัจจัยเป็นที่อาศัยเกิด รูปเดียว คือรูปใดคะ
หทยวัตถุ
นี่เป็นชีวิตประจำวันจริง ๆ ที่จะเห็นได้ว่า การที่สภาพธรรมแต่ละอย่าง แต่ละประเภทจะเกิดขึ้น ถ้าสามารถจะรู้ ถึงที่เกิดด้วย ก็จะเห็นความต่างกันว่า จริง เห็นทางตา แล้วก็เกิดความพอใจขึ้น แต่ว่าโลภมูลจิตไม่ได้เกิดที่จักขุปสาท แต่เกิดที่หทยวัตถุ
เพราะฉะนั้นหทยวัตถุเป็นนิสสยปัจจัยของโลภมูลจิต แล้วโลภมูลจิตเป็นนิสสยปัจจัยของหทยวัตถุหรือเปล่า ?
ชีวิตประจำวันจริง ๆ ถ้าจะศึกษาเรื่องของปัจจัย ก็มีเรื่องที่จะต้องพิจารณาศึกษาได้มากทีเดียวว่า เมื่อหทยวัตถุเป็นนิสสยปัจจัยให้เกิดโลภมูลจิต แล้วโลภมูลจิตเป็นนิสสยปัจจัยให้เกิดหทยวัตถุหรือเปล่า ? ไม่เป็น เพราะเหตุว่าหทยวัตถุเป็นที่เกิดเท่านั้นเอง ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิตจะต้องอาศัยรูปเป็นที่เกิด
เวลาเห็น ชอบสิ่งที่ปรากฏทางตา ถ้าไม่มีจักขุปสาท ไม่พบเห็นสิ่งนั้น ย่อมไม่ชอบในสิ่งนั้นจริง แต่เวลาที่โลภมูลจิตเกิด ไม่ใช่จิตเห็นซึ่งเกิดที่จักขุปสาท เพียงแต่อาศัยจักขุปสาท เป็นทวารที่จะให้เกิดความพอใจ เพราะฉะนั้นโลภมูลจิตเกิดที่หทยวัตถุ ในขณะที่จักขุวิญญาณเกิดที่จักขุปสาท
นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วและความเป็นปัจจัยของจิตที่ต่างขณะกัน ว่าแม้แต่การที่จะอาศัยรูปเกิดขึ้น ก็อาศัยรูปที่ต่างกันด้วย
อาศัยจักขุปสาทเป็นทวารหรือเป็นทาง แต่ว่าโลภมูลจิตเกิดที่หทยวัตถุ แต่ถ้าเป็นจักขุวิญญาณต้องมีจักขุปสาทเป็นนิสสยปัจจัย คือ เป็นที่อาศัย
เพราะฉะนั้นถ้าจะทราบความหมายในภาษาบาลีเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ เช่นคำว่า “นิสสย” หมายความถึงที่อาศัย เพราะเหตุว่าภาษาไทยเราอาจจะใช้คำว่านิสัย สำหรับ นิสสย แต่ในทางธรรมแล้ว “นิสสย” หมายความถึงที่อาศัย แม้แต่ทางพระวินัยนี้ พระภิกษุที่บวชก็จะต้องถือนิสสัยกับพระอุปัชฌาอาจารย์ เพราะเหตุว่าจะต้องอาศัยคำสั่งสอนของท่านที่จะอบรม จนกว่าจะเห็นสภาพของการเป็นภิกษุใหม่ นั่นก็เป็นความหมายในทางธรรม
เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงนิสสยปัจจัย ก็รู้ได้ว่าจักขุปสาทที่มี เป็นที่อาศัย ที่เกิดของจักขุวิญญาณ แต่ว่าสำหรับโลภมูลจิตแล้วเป็นนิสสยปัจจัยแก่นามธรรม คือ เจตสิก แต่ไม่เป็นนิสสยปัจจัยแก่รูปธรรม เพราะเหตุว่าจักขุปสาทเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย โสตปสาท ฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย แม้หทยวัตถุก็เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย ไม่ใช่จิตตชรูป
มีข้อสงสัยในเรื่องของนิสสยปัจจัยไหม
อย่าลืมว่า การที่จะอาศัยเป็นได้ทั้งนามธรรมและรูปธรรม แต่ว่าถ้ากล่าวถึงโลภมูลจิตดวงที่ ๑ เป็นนิสสยปัจจัยหรือเปล่า ? เป็น เป็นนิสสยปัจจัยของอะไร ? ของเจตสิกซึ่งเกิดร่วมด้วย พร้อมกันนั้นเจตสิกซึ่งเกิดร่วมดับโลภมูลจิต ก็เป็นนิสสยปัจจัยของเจตสิกด้วย
นี่คือปฏิจจสมุปบาท โดยนัยของปัจจยาการ ที่แสดงถึงว่า เมื่ออาศัยเกิดแล้วโดยปัจจัยอะไรด้วย