จิตสงบ - สติปัฏฐาน ประโยชน์อะไรจะมากกว่ากัน


    ส.   เพราะฉะนั้น ท่านผู้ฟังจะเห็นได้ว่า การที่จะระลึกถึงอารมณ์ต่างๆ ที่จะทำให้จิตสงบ  ไม่ใช่เพื่อให้ถึงอุปจารสมาธิ หรืออัปปนาสมาธิ สำหรับผู้ที่เข้าใจมรรคมีองค์ ๘ แต่ก่อนการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาค ไม่มีการเจริญมรรคมีองค์ ๘ เพราะฉะนั้น สงบเพียงชั่วคราวนิดหน่อย ก็ยังใกล้ต่อ อกุศล เพราะฉะนั้น จึงควรที่จะมีวิธีที่จะทำ ให้สงบยิ่งขึ้น จนกระทั่งเป็น สมาธิขั้นอุปจารสมาธิ ยังไม่แนบแน่นในอารมณ์ ยังไม่ใช่อัปปนาสมาธิ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ยังไม่เข้าใจการเจริญมรรคมีองค์ ๘  ก็เห็นว่า แม้อุปจารสมาธิ ก็ยังไม่พอ ก็เจริญความสงบให้มั่นคงยิ่งขึ้น จนกระทั่งถึงอัปปนาสมาธฺ ซึ่งเป็นฌานจิตขั้นต่างๆ จนกระทั่งถึง อรูปฌาน แต่ว่านั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐาน เพราะเหตุว่าประโยชน์ อะไรจะมากกว่ากัน การเจริญสมถภาวนา ต้องประกอบด้วยปัญญาจริงแต่เป็นปัญญาที่พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ รู้ลักษณะของกุศลจิตที่สงบในขณะนั้น ที่จะใหสงบยิ่งขึ้น  แต่ว่าการเจริญสติปัฏฐานนั้น เพื่อรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพราะฉะนั้น ผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐาน ถึงแม้ว่าจิตจะสงบ น้อมไปในอารมณ์ของ สมถกรรมฐาน อารมณ์ ๑ อารมณ์ใดบ้าง ก็มีการฟัง ซึ่งเป็นสัญญาที่มั่นคง ที่จะทำให้สติเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ โดยไม่ใช่การจะไปพากเพียรให้เกิด อุปจารสมาธิ หรือ อัปปนาสมาธิ


    หมายเลข 5163
    19 ส.ค. 2558