ความเสื่อมในกุศลธรรม มิใช่ความตั้งอยู่ มิใช่ความเจริญ


    ส.   ข้อความต่อไปพระผู้มีพระภาค ตรัส ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความตั้งอยู่  มิใช่ความเจริญ อย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศรัทธา  ศีล  สุตะ  จาคะ  ปัญญา  ปฏิภาณ เท่าไร  ธรรมเหล่านั้นของภิกษุนั้น ย่อมไม่ตั้งอยู่ ย่อมไม่เจริญขึ้น ดูกรภิกาุทั้งหลาย เรากล่าวข้อนี้ว่าเป็นความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย   มิใช่ความตั้งอยู่  มิใช่ความเจริญ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย  มีอยู่  มิใช่ความตั้งอยู่  มิใช่ความเจริญ อย่างนี้แล  บางท่านเคยรู้สึกท้อถอย ในการเจริญกุศลบ้างไหมคะ บางท่านต้องการเจริญกุศลอย่างมาก เหลือเกิน พยายามเจริญ แล้วในที่สุดก็เกิดท้อถอย เพราะไม่เห็นผลของกุศล เคยรู้สึกอย่างนี้ไหมคะ มีท่านผู้ฟังท่าน ๑ ก็เป็นผู้ที่พากเพียรในการฟังธรรม ในการเจริญกุศลทั้ง ทานและศีล แต่ว่าท่านคงเป็นผู้ที่ ละความปรารถนาไม่ได้  เพราะฉะนั้น เวลาที่เป็นผู้ที่มีความปรารถนามาก ปกติก็ย่อมจะปรารถนาในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ แต่เวลาเปลี่ยนเป็นความพอใจในกุศล ท่านก็ปรารถนากุศลอย่างมาก จนกระทั่งขวนขวาย ในการกุศล แต่แล้วเพราะอกุศลทั้งหลาย ยังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท เพราะฉะนั้น จึงเกิดความท้อถอย และเบื่อหน่าย  แม้ในกุศลขั้นทาน สำหรับการฟังธรรม ก็ท้อถอย เบื่อหน่ายไปด้วย แต่ท่านผู้ฟังจะสังเกตุได้ว่า ถึงแม้ว่าท่านจะบางครั้ง บางขณะ รู้สึกท้อถอย หรือว่ารู้สึกเบื่อหน่าย แต่เพราะเหตุว่า การฟังธรรมที่ได้สะสมมาแล้ว  .การพิจารณาเหตุผลว่าธรรมประการใด เป็นธรรมที่ควรเว้น ควรละ ธรรมประการใด เป็นธรรมที่ควรเจริญ เวลาที่ได้ฟังธรรมอีกครั้ง ๑ ย่อมจะมีปัจจัยที่ทำให้พิจารณา ได้ถูกต้องโดยเร็วว่า ธรรมใดเป็นกุศล ธรรมใดเป็นอกุศล แต่มิฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ได้ฟังธรรมมากอ่น เวลาที่เกิดความท้อถอยเบื่อหน่ายนี่คะ ก็คงจะท้อถอยเบื่อหน่ายนานทีเดียว เคยเป็นอย่างนี้บ้างไหมคะที่มีการท้อถอยหรือว่าไม่เห็นผลของกุศลก็เลยเกิดความเบื่อหน่าย


    หมายเลข 5067
    19 ส.ค. 2558