ความเข้าใจจากการฟังธรรมสะสมสืบต่อ


    ขณะใดที่ได้ฟังธรรมประโยชน์ที่สุด คือ เข้าใจสิ่งที่กำลังได้ฟัง แต่ละขณะๆ จะสะสมสืบต่อเป็นความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น มิฉะนั้นแล้วเวลาที่เราฟัง เราคิดอื่นนะคะว่าแล้วเราจะรู้ตรงนั้นหรือเปล่า หรือตรงนี้หมายความว่าอย่างไร ก็เลยไม่ได้เข้าใจสิ่งที่กำลังได้ยินได้ฟังจริงๆ แต่ขณะที่ฟังให้ทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร แล้วก็เข้าใจให้ชัดเจนว่า ให้ถูกต้องขึ้น ค่อยๆเป็นไปทีละเล็กทีละน้อย ก็เป็นการอบรมเจริญปัญญา ความรู้ต้องเพิ่มขึ้นแน่นอนในวันนึ่ง ไม่มีใครสามารถจะไปทำลายความเข้าใจซึ่งสะสมสืบต่อไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งก็จะถึงระดับขั้นสามารถที่จะรู้ชัดเจนขึ้นได้

    ในพระไตรปิฎกจะไม่มีคำว่า “วิปัสสนาญาณ” ในพระสูตรเลย ไม่จำเป็นเลย  เพียงแค่รู้ชัด ความหมายของรู้ชัดคืออะไร ก็ต้องเป็นวิปัสสนาญาณ แต่ถ้าพูดวิปัสสนาญาณ รู้สึกคนพยายามหวัง บางคนอาจใช้คำว่า “ตะเกียกตะกาย”  ที่จะให้ถึงด้วยวิธี ต่างๆ ทั้งๆที่ไม่ใช่การอบรมปัญญาความรู้เลย

    เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้ที่ตรัสรู้ เป็นศาสนาที่ทำให้คนฟังเกิดปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง และเราก็พิจารณาได้ว่า เท่าที่ได้ฟังมา ความเห็นถูกเพิ่มขึ้นหรือเปล่า มีความเข้าใจอะไร ๆ ถูกต้องตามความเป็นจริงไหมในขณะนี้  ถ้าเป็นอย่างนั้นหมายความว่า เราสามารถที่จะมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มอีก  เมื่อเราสนใจ สัทธาเห็นประโยชน์ แล้วก็ฟังต่อไป เพระว่าต้องถึงที่สุดของปัญญาที่ได้อบรมแล้ว แต่ต้องอบรมค่ะ


    หมายเลข 4626
    26 ส.ค. 2558