พระธรรมเป็นชีวิตประจำวัน


    พระธรรมจริงๆก็คือชีวิตประจำวัน แต่ว่าเราจะต้องอาศัยการฟังมากขึ้นเพื่อที่จะเข้าใจขึ้นแล้วปัญญาก็จะทำหน้าที่ของปัญญา เช่น ในขณะนี้โลภะถ้าเกิดขึ้น ดอกไม้นี่สวย โลภะทำกิจของโลภะ ไม่มีเรา แต่ถ้าโลภะไม่เกิด โทสะไม่ชอบสีนี้คล้ำไป โทสะก็ทำกิจของโทสะแล้ว ก็ไม่ใช่เราอีก

    แสดงให้เห็นว่าเราไม่รู้ว่าสภาพธรรมมีลักษณะอย่างไร ทำกิจการงานอย่างไร แม้แต่ความสำคัญตน ความมานะความถือตนก็มี เกิดขึ้นเมื่อไรยังไง แต่ถ้าเราเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรมบ่อยๆ เวลาที่เกิดความสำคัญตนขึ้น สติก็ยังระลึกได้ นี่เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่งเกิดขึ้น มีความยึดถือในความเป็นเรา เพราะฉะนั้นเมื่อได้ฟังพระธรรมเพิ่มขึ้น ก็รู้ว่านี่เป็นอกุศล แล้วใครล่ะอยากจะมีอกุศลมากๆ เมื่อรู้ แต่ถ้าไม่รู้โกรธก็ดี ต้องโกรธแล้วก็โกรธแล้วคนอื่นจะได้เชื่อฟังหรือทำอะไรต่างๆ อย่างมีคนนึ่งก็บอกว่า อาหารไม่อร่อย ถ้าไม่โกรธ คุณแม่ก็ไม่ทำให้ใหม่

    นี่แสดงให้เห็นว่ายังไม่เข้าใจในเหตุในผลจริงๆ  ว่า แท้ที่จริงความทุกข์ของใครที่กำลังโกรธ พระธรรมทั้งหมด แม้พระสูตร ก็ต้องสอดคล้องกับพระอภิธรรมด้วย เพียงแต่ว่าพระอภิธรรมนั้นทรงแสดงละเอียดขึ้นถึงเหตุที่จะทำให้ปัญญาของบุคคลนั้นเกิด แล้วพิจารณาตนเอง


    หมายเลข 4620
    26 ส.ค. 2558