เป็นธรรมไม่ใช่เรา


    อ.อรรณพ เริ่มต้นของความเข้าใจคือ ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงขณะนี้ และต้องฟังต้องศึกษา ต่อไปจนมีความเข้าใจในความเป็นธรรมเพิ่มขึ้น


    ท่านอาจารย์ มีเรา เป็นทุกข์หรือเป็นสุข แต่สุขก็ไม่เที่ยง ทุกข์หรือไม่ สภาพที่เพียงเกิดขึ้น และดับไป แล้วไม่กลับมาอีกเลย เกิดขึ้นให้ติดข้อง เพิ่มความพอใจไปทุกวัน ทุจริตทั้งหลายมาจากความไม่รู้ และความติดข้อง อยากได้เงิน ถึงกับฆ่าเขาก็ได้ ปล้นเขาก็ได้ ทุจริตกรรมต่างๆ ก็ได้ เพราะเรา แต่ถ้าเข้าใจถูกต้องว่าเป็นธรรมที่เกิดขึ้น มีทั้งธรรมที่ดีเกิดขึ้น ธรรมที่ชั่วเกิดขึ้น แล้วชีวิตวันหนึ่งๆ ก็เป็นไป ถ้าด้วยความไม่รู้ ธรรมที่เกิดเพราะไม่รู้ ก็ดีไม่ได้ แต่พอรู้ว่าความดี ใครๆ ก็พอใจใช่ไหม จะมีขึ้น เพิ่มขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีความรู้ความเข้าใจจริงๆ ว่าเกิดมาแล้ว ไม่มีเรา แต่มีธรรมฝ่ายดี และไม่ดี จะสะสมฝ่ายไหน และฝ่ายดีจะดีขึ้นได้ ต่อเมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง

    เริ่มจากธรรม ฟังวันนี้พอใครพูดธรรม ก็หมายความถึง สิ่งที่มีจริงๆ เราฟังเรื่องสิ่งที่มีจริง เราไม่ได้ฟังเรื่องที่ไม่มี ธรรมคือสิ่งที่มีจริง เดี๋ยวนี้มีไหม มีหรือไม่ สิ่งที่มีจริง ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมหมดเลย และเราฟังเรื่องสิ่งที่มีจริง จนกว่าจะรู้ว่าสิ่งที่มีนั้น ไม่ใช่เรา ถูกต้องไหม ในเมื่อไม่ใช่เรา แต่ไปหลงจำว่าเป็นเรานานแสนนาน แค่นี้เป็นเพียงขั้นเริ่มต้น แต่กว่าจะหมดความเป็นเราจริงๆ ไม่ต้องไปทำสติ ไม่ต้องปฏิบัติ เพราะเหตุว่าไม่ได้เข้าใจอะไร แต่ที่จะหมดความเป็นเราได้ เพราะเข้าใจจากการฟัง และมีความเข้าใจตามลำดับ ไม่ใช่เข้าใจเพียงแค่นี้ มากกว่านี้อีก

    อ.คำปั่น การกล่าวธรรม การแสดงธรรมอยู่ตลอดเวลา จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูล สำหรับใคร

    ท่านอาจารย์ ตอนเป็นเด็กทุกคนไปโรงเรียนใช่ไหม ไปทำไม ไปเรียนให้รู้ใช่ไหม ถ้าไม่ไปโรงเรียนจะรู้ไหม เรียนก็คือไปฟัง หรือไปนั่งเฉยๆ ไม่ใช่ไปนั่งเฉยๆ ไม่พูด ไม่จาอะไรเลย แต่ได้ฟังคำจากคุณครู ซึ่งทำให้เรามีความรู้ มีความเข้าใจในสิ่งนั้น ถ้าเราจะเย็บเสื้อ เราก็ต้องไปหาคนที่เขาสอนเราได้ ว่าจะตัดเสื้ออย่างไร เย็บเสื้ออย่างไร ถ้าจะทำอาหาร ทำเองไม่เป็น ก็ต้องไปหาคนที่เขาทำเป็น ฟังเขาแต่ละคำ แล้วเข้าใจในสิ่งนั้น

    ขณะนี้เราได้ยินคำว่าธรรมบ่อยๆ แต่ใครบ้างที่รู้ว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ภาษาบาลี ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสแสดงกับชาวเมืองนั้น เขาพูดภาษานั้น แต่ในภาษาของเรา สิ่งที่มีจริงทั้งหมด มีจริงๆ เป็นธรรม วันนี้เราเรียนแล้วหนึ่งคำ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง นี่คือประโยชน์ของการที่ได้ฟัง เหมือนกับไปโรงเรียน ฟังที่ไหนก็ได้ เข้าใจที่ไหนก็ได้ ขณะนี้ วันนี้ อย่างน้อยที่สุด เข้าใจว่าธรรมคืออะไร มีไหม ธรรมเดี๋ยวนี้ เห็นไหม ต้องคิดต่อ เมื่อวานนี้มีหรือไม่ ธรรม

    การที่เราจะสนทนากันหลากหลายแม้เพียงคำเดียว เพื่อเป็นการทดสอบว่าความเข้าใจของเราถูกต้อง มั่นคงแค่ไหน ไม่ใช่ว่าเผินๆ แล้วก็ลืม แล้วก็ไปต่ออย่างไร อย่างไรก็ไม่เข้าใจ เพราะว่าลืมแล้ว ด้วยเหตุนี้ต้องไม่ลืมเลย ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ตั้งแต่เกิดจนตายทุกขณะ มีจริงๆ นั่นแหละเป็นธรรม แล้วใครจะสอนเรา ให้เข้าใจธรรมอย่างละเอียด มีผู้เดียวคือผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริง ของสิ่งที่มีอย่างละเอียด คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คำใดที่กล่าวถึงคำจริงให้เข้าใจ ทุกคำนั้นเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทดสอบ เดี๋ยวนี้มีธรรมหรือไม่ เห็นไหม มี เมื่อวานนี้มีธรรมหรือไม่ พรุ่งนี้จะมีธรรมไหม มีแน่ๆ อย่างไรก็หนีไม่พ้น จะต้องเกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ สืบต่อ ไม่มีใครยับยั้งได้เลย

    เป็นความจริงที่รู้ว่าไม่มีใครเปลี่ยนแปลงธรรม ธรรมเป็นธรรม ซึ่งมีปัจจัยเกิด และดับ อยู่เรื่อยๆ จนกว่าจะดับกิเลสหมดเมื่อไร ถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อนั้นไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เกิด ก็เกิดไม่ได้ แต่ทุกคนที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะไม่รู้ก็ต้องเกิดไปอย่างนี้แหละ แต่ธรรมหลากหลายมาก ก็มีธรรมทั้งฝ่ายดี และฝ่ายไม่ดี แต่ธรรมก็ต้องเป็นธรรม ดีก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมฝ่ายดี เราจะค่อยๆ เข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ที่เป็นธรรมดีตรงไหน ไม่ดีตรงไหน ขณะไหนเป็นเหตุ ขณะไหนเป็นผล ทั้งหมดตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย กี่ชาติก็เป็นธรรม ที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น


    หมายเลข 11152
    19 มี.ค. 2567