เราก็เพียงแต่พิจารณาในสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเท่านั้นเองใช่ไหม -พฐ.222


        ผู้ถาม ในทางตรงกันข้าม อย่างเวลาเราทำดี ไม่ว่าเราจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือบุคคลอื่น เราจะมีความยินดี และพอใจในสิ่งที่เราทำ อันนี้ก็เช่นเดียวกันใช่ไหม

        สุ. โอวาทปาฏิโมกข์ จำได้ไหม อะไรบ้าง

        ผู้ถาม มี ๓ ข้อ

        สุ. คือ ๑

        ผู้ถาม ละชั่ว

        สุ. ขณะที่กุศลเกิดนั้นละแล้วใช่ไหม ๒

        ผู้ถาม ทำความดี

        สุ. ขณะนั้นเป็นความดี เป็นกุศล ๓ หายไปไหน ชำระจิตให้บริสุทธิ์ซึ่งจะบริสุทธิ์ได้จากกิเลสคือการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เพราะฉะนั้นก็จะมีคนที่สามารถเพียง ๒ ประการ แต่ถ้าประการที่ ๓ ถ้าไม่มีปัญญาไม่สามารถจะชำระจิตให้ผ่องใสหรือว่าดับกิเลสได้ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง

        ผู้ถาม ถ้าเกิดเป็นเช่นที่ท่านอาจารย์กล่าวมาทั้งหมด ในวันหนึ่งๆ เราก็เพียงแต่พิจารณาในสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเท่านั้นเองใช่ไหม

        สุ. เราทำอะไรไม่ได้เลย แต่ว่าขณะไหนมีเหตุปัจจัยที่สภาพธรรมใดเกิดจากการฟังทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ เป็นสังขารขันธ์ ไม่ใช่เฉพาะคุณสุกัญญาฟังชาตินี้ ชาติก่อนๆ ก็ไม่รู้ว่าใครจะเกิดอยู่ที่นครสาวัตถีในเพศใด คฤหัสถ์หรือบรรพชิต ผู้ที่เป็นบรรพชิตที่ได้ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ และก็อยู่ที่พระวิหารเชตวัน ทั้งหมดรู้แจ้งอริยสัจจธรรมหรือเปล่า พระภิกษุทั้งหลาย

        ผู้ถาม ไม่

        สุ. นานแสนนานแล้วก็ยังไม่รู้ใช่ไหม เพราะฉะนั้นแต่ละคนไม่สามารถที่จะรู้การสะสมในอดีตได้เลย แต่สามารถที่จะรู้ว่าขณะนี้ว่ามีศรัทธาที่จะฟังเมื่อฟังแล้วมีความเข้าใจระดับไหน ต้องเป็นผู้ที่ตรงด้วย เพราะฉะนั้นก็จะเป็นผู้ที่ไม่มีความต้องการจะถึงนิพพานโดยไม่รู้อะไร หรือว่ายังมีความเป็นเราที่ทำดีขึ้นๆ เพราะได้ฟังพระธรรมแต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องตรงว่ากิเลสทั้งหลายไม่สามาถที่จะดับเป็นสมุจเฉทไม่เกิดอีกถ้าไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม และหนทางที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมมีหนทางเดียวคือสติปัฏฐาน มรรคมีองค์ ๘ เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจหนทางนี้ ซึ่งทรงแสดงไว้ว่าเป็นหนทางที่ลึกซึ้ง เพราะเหตุว่าอริยสัจจ์ทั้ง ๔ ลึกซึ้งทั้ง ๔

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 222


    หมายเลข 11047
    24 ม.ค. 2567