จะเปลี่ยนพระวินัยไม่ได้


    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยด้วยพระองค์เอง ดังนั้นหากภิกษุใด ไม่สามารถประพฤติตามพระวินัยได้ ก็ควรจะลาสิกขาบทคือสึกไป แต่ไม่อาจ จะเปลี่ยนแปลงพระวินัยที่ทรงบัญัติไว้ดีแล้วได้เลย


    ท่านอาจารย์ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปลี่ยนแปลงได้ไหม พระวินัยที่ได้ทรงบัญญัติไว้ด้วยพระองค์เอง เปลี่ยนแปลงได้ไหม ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพระธรรมวินัยได้เลย เพราะฉะนั้นคนที่กล่าว เป็นผู้ที่เก่งกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ที่สามารถที่จะรู้ว่าทรงบัญญัติอย่างนั้นไม่ถูกต้องตามกาลสมัย เขาไม่รู้หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมทั้งปวง เพื่อประการทั้งปวง ไม่ว่าอดีตจะยาวนานสักเท่าไร แสนโกฎกัปป์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้ความจริงว่า ในพระชาตินั้นที่เป็นบุคคลนั้น ทำอะไรได้บ้าง เพราะฉะนั้นไม่ใช่แต่เฉพาะปัจจุบัน อดีตก็รู้ อนาคตที่จะเกิดขึ้นก็รู้ แล้วใครจะบอกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีพระสัพพัญญุตญาณ ไม่รู้อนาคต ไม่รู้อดีต เป็นไปไม่ได้เลย ผู้นั้นไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    เพราะฉะนั้นถ้ากล่าวว่า เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลสมัย ผู้นั้นไม่ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง และไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย แล้วคนอื่นเชื่อไหม ถ้าเชื่อก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกัน แล้วก็ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

    อ.วิชัย คนที่ร่วมสนทนาด้วย ก็กล่าวว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าพระองค์ยังพระชนม์อยู่ในปัจจุบัน ก็คงเห็นประโยชน์ของการที่ภิกษุ ต้องมีการเดินทาง และก็คงจะมีการอนุบัญญัติเพิ่มเติมขึ้นมาที่จะอนุญาตให้รับอะไรได้

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นธรรมเปลี่ยนได้ไหม วินัยเปลี่ยนได้ไหม เพราะไม่ศึกษา จึงคิดว่าเปลี่ยนตามกาลสมัย แต่ความจริงไม่มีอะไรจะเปลี่ยนได้เลย เพราะว่าใครทรงบัญญัติพระวินัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว คำของคนไม่รู้ พูดแล้ว เวลาที่รู้เปลี่ยนได้ใช่ไหม เพราะเข้าใจขึ้น แต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้ถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ดับกิเลส และก็ประกอบด้วยพระทศพลญาณ ซึ่งบุคคลอื่นไม่มี แล้วยังคิดว่าพระองค์จะเปลี่ยนคำพูดหรือ เป็นไปไม่ได้เลย

    เพราะฉะนั้นผู้นั้น ไม่ได้มีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เหมือนคนธรรมดาบวชแล้ว สอน แล้วก็บัญญัติกฎ ซึ่งภายหลังก็เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลสมัย นั่นคือไม่ได้เข้าใจในความเป็นผู้ที่ทรงตรัสรู้ สภาพธรรมทั้งหมด โดยประการทั้งปวง และโดยประกอบด้วยพระทศพลญาณด้วย คำใดที่ตรัสแล้วเปลี่ยนไม่ได้ เพราะเป็นความจริงถึงที่สุด แม้แต่การที่จะทรงบัญญัติพระวินัย คำนั้นก็เพราะเหตุว่า เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงรู้ว่าเหตุใดจะนำมาซึ่งผลใด เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่ตรัสแล้ว แม้ท่านพระอานนท์จะมากราบทูลขอ ให้ผู้ที่ปาราชิกแล้วกลับมาบวช แล้วก็จะตั้งใจประพฤติอย่างดี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสว่า ไม่เป็นไปได้เลย ที่พระองค์จะตรัสเปลี่ยนคำที่ได้ตรัสไปแล้ว เพราะเป็นความจริงถึงที่สุด ถ้าคนไม่รู้ พูดแล้ว ก็รู้แล้ว เปลี่ยนได้ขอโทษ เมื่อสักครู่นี้เข้าใจผิด แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่เป็นอย่างนั้นเลย

    เพราะฉะนั้นผู้นั้นเป็นผู้ที่ไม่รู้จักก็พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ไม่เข้าใจความเป็นภิกษุ เพราะเหตุว่าแม้คฤหัสถ์ก็เข้าใจธรรมได้ แล้วไปบวชทำไม ถ้าจะต้องเสียค่าไฟฟ้า ค่าโรงพยาบาล ค่าอาหาร ค่าอะไร ก็เป็นคฤหัสถ์ ไม่มีใครบังคับให้บวชเลย เพราะฉะนั้นผู้บวชเป็นผู้ที่ตรง และรู้ตัวเองว่ามีความสามารถที่จะประพฤติตามพระวินัยได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าประพฤติตามไม่ได้ลาสิกขาทันที เพราะรู้ตนเองว่า ถ้าอยู่ ถ้าเป็นพระภิกษุต่อไป จะไปเปลี่ยนพระวินัยไม่ได้ แต่ต้องทำตามพระวินัย ถ้าทำตามพระวินัยไม่ได้ ไม่ใช่ไปแก้พระวินัย แต่เมื่อทำตามพระวินัยไม่ได้ ก็เป็นพระภิกษุไม่ได้ นั่นจึงจะเป็นการเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเห็นมีสองอย่าง ความเห็นถูกกับความเห็นผิด

    เพราะฉะนั้นลองพิจารณาผู้ที่คล้อยตามคำที่ว่า เมื่อประพฤติตามไม่ได้ในยุคนี้ ควรที่จะแก้พระวินัย นั่นคือผู้ที่กล่าวว่าอย่างนี้ และอีกคนหนึ่งก็กล่าวว่า เมื่อประพฤติตามพระวินัยไม่ได้ ก็ไม่ต้องเป็นภิกษุ เพราะฉะนั้นก็มีความเห็นสองอย่าง และความเห็นที่ว่า ถ้าประพฤติตามไม่ได้ ก็แก้พระวินัย คิดจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าหรือไม่ กราบทูลขอให้ทรงแก้พระวินัยเสีย คิดอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะใครจะแก้ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่แก้ แล้วคนอื่นจะแก้หรือไม่ เมื่อคนอื่นไม่แก้ ไปกราบทูลให้พระพุทธเจ้าแก้หรือ พระองค์ไม่มีการที่จะกระทำสิ่งที่ พูดแล้ว วางวินัยบัญญัติไว้แล้ว และจะเปลี่ยนแปลงได้ นั้นคือผู้ไม่รู้

    เพราะฉะนั้นความเห็นของคนยุคนี้ ไตร่ตรอง รอบคอบ ว่าจะเป็นฝ่ายเห็นถูก ซึ่งเป็นฝ่ายเห็นผิด ถ้าเป็นฝ่ายเห็นถูก เมื่อใครก็ตามไม่สามารถจะประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยได้ ลาสิกขาได้ทันที บอกใครก็ได้ ไม่เป็นพระเพราะไม่สามารถที่จะรักษาพระวินัยได้ ถูกต้องไหม หรือว่าจะไปทูลพระพุทธเจ้า ขอให้แก้พระวินัย นี่ก็ต่างกันแล้วใช่ไหม

    เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าความเห็นคล้อยตามว่าควรแก้พระวินัย ถูกไหม กับความเห็นที่ว่าเมื่อประพฤติตามพระวินัยไม่ได้ก็ลาสิกขาบท เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับให้ใครบวชเลย และไม่ได้บอกว่า ถ้ารักษาพระวินัยไม่ได้ ก็ให้เปลี่ยน แก้ไขได้ตามใจชอบ แต่ว่าเมื่อรักษาไม่ได้ ก็ไม่ควรจะเป็นภิกษุ ก็สึกเสีย


    หมายเลข 10944
    11 เม.ย. 2567