สังคมคืออะไร


    เพราะมีธรรมคือจิต เจตสิก รูป จึงมีการสมมติว่าเป็นแต่ละบุคคล ซึ่งรวมๆ กัน เป็นสังคม


    ท่านอาจารย์ ใครเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และคำของพระองค์ จะเหมือนคำของคนอื่น หรือว่าจะต่างกับคนอื่น ซึ่งไม่ได้ตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรมเลย เพราะฉะนั้นชาวโลกก่อนที่จะได้ฟังธรรม ก็พูดคำที่เขาไม่รู้จัก แต่ถ้าเข้าใจธรรมแล้ว ทุกคำพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริง

    ด้วยเหตุนี้สังคมคืออะไร ถ้าไม่รู้ จะแก้ปัญหาได้ไหม แล้วจะบอกว่าพระพุทธเจ้า ไม่ได้ตรัสเรื่องความทุกข์ของสังคมได้ไหม เพราะฉะนั้นก่อนที่จะพูดคำนี้ ก็ต้องรู้ทีละคำว่า สังคมคืออะไร ถ้าไม่รู้จักสังคม พูดถึงสังคมได้ไหม ไม่ได้ คิดเองต่างหาก แต่ถ้ารู้ว่าสังคมคืออะไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของทุกสิ่ง ไม่เว้น ไม่ใช่ว่าโลกสมัยก่อนเป็นอย่างหนึ่ง สังคมสมัยนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะสมัยไหนทั้งสิ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงทั้งหมด โดยประการทั้งปวงถึงที่สุด แม้แต่คำแต่ละคำ

    เพราะฉะนั้นถ้าคนไม่รู้จักคำว่าสังคม ก็จะคิดว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเรื่องความทุกข์ของสังคม เพราะฉะนั้นสังคมคืออะไรก่อน และจะได้เข้าใจได้ถูกต้องว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าโลกจะหมุนไป เปลี่ยนไป ในสมัยใดก็ตาม ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ เพราะว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุด เพราะฉะนั้นก่อนอื่น ต้องมีความเข้าใจให้ถูกต้องว่า สังคมคืออะไร ไม่มีคน มีสังคมได้ไหม คนเดียวเป็นสังคมหรือเปล่า หลายๆ คน หลายๆ จิต ต่างคนต่างใจ แต่ทั้งหมดเป็นธรรม คือสิ่งที่มีจริงหลากหลายมาก และแต่ละหนึ่งคน ไม่ว่าจะย่อยเล็กสังคมใหญ่ ย่อยจนกระทั่งถึงเพียงหนึ่ง ของแต่ละหนึ่ง ซึ่งจะรวมกันเป็นสังคม มีทุกข์ไหม ตั้งแต่ตื่น เริ่มตื่น มีทุกข์ไหม

    เพราะฉะนั้นก่อนที่จะพูดถึง คำของสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามความคิดความเข้าใจของตัวเอง ต้องศึกษาก่อนให้เข้าใจแต่ละคำชัดเจน เพราะฉะนั้นการสนทนากันมีประโยชน์มาก ไม่ใช่เป็นเรื่องค้าน ไม่ใช่เป็นเรื่องคิดว่า ต้องเป็นอย่างนี้ หรือต้องเป็นอย่างนั้น แต่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว กล่าวว่าอย่างไร แค่นี้ก็เป็นคำตอบแล้ว ใช่ไหม ถ้าคิด เพราะฉะนั้นสังคมมีทุกข์ไหม ถ้าไม่มีคน ไม่มีสัตว์ใดๆ เลย ทุกข์ก็ไม่มี มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าก็ไม่มีทุกข์

    อ.ธิดารัตน์ แม้พระพุทธเจ้าท่านก็แสดงโดยบริษัทต่างๆ ก็เหมือนกับกล่าวถึงคนทั่วๆ ไป

    ท่านอาจารย์ แต่ละหนึ่ง ต้องมีแต่ละหนึ่ง ที่ใช้คำว่าโลก โลกะ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย จะมีโลกไหม แต่ถ้ามีเพียงหนึ่งเกิดขึ้น นั่นแหล่ะเป็นโลกแล้ว และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน เพราะเหตุปัจจัย ก็เลยเป็นโลกที่กว้างใหญ่ เป็นจักรวาล เป็นต่างๆ แต่ต้องมีการเกิดขึ้น ของสิ่งซึ่ง แล้วแต่ว่าเป็นสภาพที่สามารถรู้ หรือว่าไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย ก็เป็นเรื่องของธรรม ที่ต้องศึกษาด้วยความเคารพจริงๆ เพราะฉะนั้นด้วยความเคารพ หมายความว่าไม่พูดคำ ซึ่งไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาโดยละเอียด จากที่พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ดีแล้ว


    หมายเลข 10873
    23 เม.ย. 2567