วิบากเกิดเพราะกรรมที่ได้กระทำแล้ว


        ผู้ถาม อย่างสมมุติว่าจักขุปสาทกระทบได้กับวัณณรูปแค่กลาปเดียวหรือว่าหลายกลาป

        สุ. รู้ได้ไหม

        ผู้ถาม ไม่ได้

        สุ. ก็ไม่ต้องไปคิด ก็คิดหาเหตุผลได้ รูปๆ หนึ่งจะได้กี่กลาปหรืออะไรอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปพยายามรู้หรือคิด แม้แต่สิ่งที่กำลังปรากฏที่จะให้รู้ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่สามารถปรากฏทางตาเท่านั้น ก็ต้องเข้าใจก่อน

        ผู้ถาม อยากจะให้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องกรรมอะไรที่ลึกซึ้งมาก อย่างที่ผู้หญิงโรคจิตไปแทงเด็กนักเรียนถึงในห้องเรียน ในขณะที่เด็กผู้หญิงคนนั้นอายุเพียงแค่ ๑๒ ปีเท่านั้นแล้วก็เป็นเวลา ๗ โมงเช้า

        สุ. เด็กอายุ ๑๒ แต่เกิดมาแสนโกฏิกัปป์ สะสมอะไรมาบ้างที่จะเป็นเด็กอายุ ๑๒ ในขณะนั้น ที่จะคิดอย่างนั้น ไม่เหมือนกันใช่ไหม เด็กอายุ ๑๒ ไม่เหมือนกันเลยตามการสะสม

        ผู้ถาม แล้วยังมีอีก ๓ คนซึ่งก็ได้รับผลอย่างเดียวกัน

        สุ. ถ้าพูดถึงสภาพธรรมต้องมีจิต เจตสิก รูป ของใครก็ของคนนั้น ถ้าไม่มีเหตุที่ได้ทำไว้แล้ว ผลจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเหตุคือกุศลกรรม และอกุศลกรรม ถ้าเป็นอกุศลกรรมก็เป็นไปในเรื่องของกายทุจริต ๓ วจีทุจริต ๔ มโนทุจริต ๓ ถ้าเป็นทางฝ่ายกุศลกรรมก็ตรงกันข้าม เพราะฉะนั้นกรรมใดก็ตามที่ทำแล้ว ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่สภาพของจิตที่เกิดดับจะสะสมกุศล และอกุศลที่เกิดแล้วดับไปจนกระทั่งทำให้แต่ละคนมีการสะสมที่ไม่เหมือนกัน ความคิดต่างกัน การกระทำต่างกัน นี่เป็นเรื่องของเหตุ แต่เรื่องของผลก็จะต้องทราบว่าก็ได้แก่จิต และเจตสิกนั้นเองซึ่งเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย เพราะว่าจิตบางขณะเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย บางขณะอย่างกิริยาจิตก็ไม่ได้เกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย เพราะฉะนั้นก็ต้องทราบว่าจิตที่เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัยขณะไหนบ้าง ปฏิสนธิจิตขณะแรกที่เกิดในแต่ละภพแต่ละชาติเป็นผลของกรรมหนึ่งในบรรดากรรมทั้งหมดที่ได้ทำมา ที่ยังสามารถที่จะทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดได้ ซึ่งเราไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าที่เราเป็นคนนี้ ชาตินี้เป็นผลของกรรมอะไร แล้วปฏิสนธิจิตก็ยังประมวลกรรมที่สามารถจะให้ผลในชาติที่ปฏิสนธิจิตนั้นเกิดด้วย แล้วแต่ว่าจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือว่าจะเกิดเป็นมนุษย์มีปัญญาเกิดร่วมด้วย มีปัญญาเกิดร่วมด้วยก็แล้วแต่กรรมซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเลือกได้ แต่เหตุต้องตรงกับผล ถ้าเป็นผลของกุศล หลังจากที่เกิดมาก็ยังมีกุศลกรรมอื่นๆ และอกุศลกรรมที่พร้อมจะให้ผลเมื่อไหร่ ก็เป็นปัจจัยให้วิบากจิตเกิดขึ้นเมื่อนั้น หลังจากที่เกิดแล้ว จิตที่เป็นวิบากอย่างคร่าวๆ ที่พอจะรู้ได้ก็คือเห็นขณะนี้เป็นผลของกรรม ได้ยินเสียงเลือกไม่ได้เลย บังคับไม่ได้ก็เป็นผลของกรรม ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เพราะฉะนั้นกรรมทำให้จักขุปสาทรูปเกิดเพื่อที่จะกระทบสัมผัสกับสิ่งที่สามารถปรากฏทางตา สิ่งนั้นก็จะเป็นสิ่งที่น่าพอใจบ้าง ไม่น่าพอใจบ้าง ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจก็เป็นผลของอกุศลกรรม จิตนั้นก็เป็นอกุศลวิบาก นี่เป็นสิ่งที่เราสามารถจะเข้าใจได้ว่าทุกอย่างที่เป็นวิบากเกิดเพราะกรรมที่ได้กระทำแล้ว ไม่ใช่คนอื่นไปทำ และก็มาให้เราได้รับผล ต้องเป็นกรรม เจตนาที่ได้กระทำกรรมนั้นๆ แม้ดับไปแล้วนานแสนนาน แต่ถ้ายังมีกรรมเป็นกัมมปัจจัยก็ทำให้จิตที่เป็นวิบากเกิดได้ ขณะนี้เป็นผลของกรรมที่เห็น

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 210


    หมายเลข 10726
    25 ม.ค. 2567