ธรรมปฏิบัติกิจของธรรมแล้วดับไม่เหลือเป็นภัย


        วิ. พระผู้มีพระภาคก็ตรัสเรื่องของวัฏฏะนี้ว่า เมื่ออยู่ในวัฏฏะก็มีภัยมาก มีทุกข์มาก ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็แสดงเรื่องของภัยในวัฏฏะอาจจะเรื่องของทุกข์เกิดจากการเกิด แก่ เจ็บ ตายบ้าง หรือว่าทุกข์ในอบายต่างๆ บ้าง บางครั้งในชีวิตประจำวันก็รู้สึกจะไม่เห็น ก็มีความรื่นเริงอยู่ ส่วนที่ตรัสเรื่องของภัยก็ดูจะไม่ค่อยใส่ใจ ยังไม่เห็นภัยที่ตรัสเรื่องของโทษภัยมากมาย

        สุ. ถ้าเป็นเราแล้วก็มีสิ่งที่น่าพอใจเยอะแยะก็ยังเห็นว่าน่าอยู่ สังสาร วัฏนี่ก็ยังน่าอยู่ แต่ถ้าสามารถที่จะเข้าใจได้ว่าไม่มีเรา แต่ว่ามีธรรมซึ่งเกิดแล้วก็ทำหน้าที่ของธรรมนั้นๆ โดยที่ว่าไม่ให้ทำก็ไม่ได้ เมื่อเกิดแล้วต้องทำหน้าที่อย่างจิตเห็น เกิดแล้วต้องเห็น แต่ว่าเราไม่รู้จึงพอใจอยากเห็น และก็ชอบเห็นด้วย แต่ถ้ารู้จริงๆ ว่าไม่มีเรา แต่มีธาตุหรือธรรมซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ปฏิบัติกิจของธรรมนั้นๆ เช่น เกิดแล้วต้องเห็น เมื่อมีปัจจัยก็เกิดเห็นแล้วก็ดับไป เมื่อมีปัจจัยเกิดขึ้นได้ยินแล้วก็ดับไป เมื่อมีปัจจัยแล้วก็คิดนึกตามการสะสมแล้วก็ดับไปเท่านี้เอง ก็จะเห็นได้ว่าน่าพอใจหรือเปล่า แต่ว่าถ้ายังมีเราอยู่ มองไม่เห็นเลยว่าตื่นมาต้องเห็น ลำบากไหม ต้อง ไม่เห็นไม่ได้ นอกจากต้องเห็นแล้วต้องอะไรอีกหลายอย่างใช่ไหม อยู่กับที่ก็ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมาแล้ว ต้องทำความสะอาดร่างกาย ต้องบริโภคอาหาร ก่อนที่จะรับประทานอาหารต้องหาด้วยใช่ไหม กว่าจะได้รับประทานแต่ละมื้อก็แล้วแต่ว่าใครจะได้รับประทานอาหารยังไง ก็ถึงมีก็ยังต้องตักอาหารขึ้นบริโภคอีก เรื่องต้องทั้งนั้นเลย แต่เมื่อมองไม่เห็นก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร อาหารก็อร่อย เคลื่อนไหวร่างกายก็เป็นปกติธรรมดาไม่ได้ลำบากอะไร แต่ถ้าคิดว่าเป็นสิ่งซึ่งไม่มีเรา แต่ว่าเป็นธรรมทั้งหมดที่ต้องเป็นไปอย่างนั้นเพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะเกิดก็ต้องเกิด จนกว่าจะเห็นอย่างนี้จึงชื่อว่าเห็นภัย เพราะว่าโดยมากถ้าเรากล่าวถึงภัย เราจะคิดถึงอุทกภัย วาตภัย ภัยที่เกิดจากการเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีน้ำขาดอาหารอะไรอย่างนี้ก็เพียงเท่านี้เอง แต่ถ้าผู้ที่เห็นว่าเป็นภัยจริงๆ ก็คือว่าสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปมีประโยชน์อะไรในเมื่อไม่เหลือเลย ไม่เหลือเลยสักอย่างเดียว สิ่งใดก็ตามที่เกิดไม่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม แม้สิ่งที่ปรากฏทางตาซึ่งเหมือนสืบต่อ แต่ว่าสภาพที่เป็นรูปธรรมที่มีปัจจัยเกิดดับแล้วไม่กลับมาอีก เสียงแต่ละเสียงที่เพียงปรากฏให้ติดข้องแล้วก็ดับไปไม่ปรากฏอีกเลย เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เกิดสั้นๆ เพื่อการติดข้อง แม้ว่าสิ่งนั้นเกิดแล้วก็ดับไปก็ยังมีความติดข้องเพราะเหตุว่าไม่เห็นภัยของการที่หลงติดข้องในสิ่งซึ่งไม่เที่ยงเลย ไม่มีสักอันเดียวที่เราสามารถจะพอใจได้ถาวร เพราะว่าสิ่งที่เราพอใจเกิดแล้วดับแล้วอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แต่ถ้าไม่รู้อย่างนี้ก็คืออวิชชาที่ทำให้เกิดความยินดีพอใจ ไม่ว่าเห็นติดข้องแล้ว พอได้ยินก็ติดข้องแล้ว เป็นเรื่องของสภาพธรรมที่เป็นไปอย่างนั้น

        วิ. ถ้าพิจารณาตามความเป็นจริงคือห้ามไม่ได้ก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น

        สุ. เพราะฉะนั้นเบื่อหรือยัง

        วิ. ยังไม่เบื่อ

        สุ. ยังไม่เบื่อเพราะว่าอยู่มานานชินต่อการที่จะพอใจ ไม่ชินต่อการที่จะเข้าใจถูกว่าไม่มีอะไรเหลือเลย เราจะไปคิดตอนสุดท้ายที่จากโลกนี้ไป แต่ความจริงยังไม่จากแค่หลับสนิท มีอะไรบ้าง หลับสนิทไม่มีอะไรปรากฏให้ยึดถือว่าเป็นของเราหรือว่าเป็นเรา พอตื่นขึ้นก็มาใหม่ ก็มีตัวเรา มีของเราเรื่อยไปจนกว่าจะรู้ตามความเป็นจริง แต่คิดดูสิว่าพอใจอะไรเหมือนกำมือที่ว่างเปล่า คิดว่ามีอะไรที่น่าดู น่าพอใจ กำไว้แน่น แต่พอเปิดขึ้นมาหายไปไหน เมื่อกี้นี้หายไปไหน หายไปทุกขณะ ไม่ว่ารูปธรรม และนามธรรม

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 210


    หมายเลข 10725
    25 ม.ค. 2567