มั่นคงหรือยังว่าขณะนี้เป็นธรรมลักษณะต่างๆ


        ผู้ถาม สิ่งที่ล่วงไปแล้วก็คือเป็นความคิดนึก สภาพอารมณ์ของความคิดนึก

        สุ. ทุกคำที่คุณสุกัญญาพูดมีสภาพที่กำลังรู้ว่าคำหรือเปล่า ถ้าไม่มีจะมีทุกคำได้ยังไง แม้แต่ทุกคำก็มีจิต นามธรรมที่กำลังรู้คำว่าทุกข์ กำลังรู้คำว่าคำ ไม่พ้นจากจิต เจตสิก รูป ธรรมจริงๆ ก็มีเพียง ๓ อย่างที่เกิดขึ้น และดับไปในชีวิตประจำวันคือนิต เจตสิก รูป ทรงตรัสรู้ว่าไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นทุกคำนี่คืออะไร ไม่ใช่เราไปคิดถึงอดีตว่ามาได้ยังไง แต่แม้ขณะนั้นทุกคำก็ไม่รู้ว่าคืออะไร มีจริงหรือเปล่า กำลังคิดคำว่าทุกคำ ยังไม่ต้องย้อนไปว่าเมื่อวานคิดอะไร แต่กำลังคิดอยู่แล้วเรื่องทุกข์กับคำ ขณะนั้นก็ต้องเป็นจิตที่กำลังมีคำนั้นเป็นอารมณ์ กำลังรู้คำนั้น แต่ทั้งหมดเพื่อให้มีความมั่นคงในความเข้าใจถูกว่าสิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรมซึ่งไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เป็นอนัตตา ถ้ามีความเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม จะมีความคิดว่าแล้วตอนนั้นเราจะไปหวนคิดถึงสิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือจะไม่ให้ทำอย่างนั้น หรือให้ทำอย่างนี้ นี่คือยังไม่มั่นคงที่จะรู้ว่าเป็นธรรมซึ่งใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่เราที่จะไปพยายามทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่เกิด หรือว่าสิ่งที่ไม่เกิดก็จะไปพยายามทำให้เกิดมีขึ้นด้วยความเป็นตัวตนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเราจะฟังธรรมอีกต่อไป เป็นเรื่องตั้งแต่ต้นหรือว่าเรื่องที่ละเอียดขึ้นมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็เพื่อที่จะให้เข้าถึงความเข้าใจที่มั่นคงว่าไม่มีเรา แต่ขณะนี้หรือขณะไหนก็ตามมีสภาพธรรมปรากฏทางหนึ่งทางใดในหกทาง แม้ในขณะนี้ ทางตาก็เป็นธรรม ทางหูที่ได้ยินเสียงก็เป็นธรรม ถ้ามีกลิ่นปรากฏก็เป็นธรรม ทางลิ้มรสปรากฏเป็นธรรม ทางกายขณะนี้ถ้ากระทบสัมผัสก็มีสิ่งที่เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหวปรากฏก็เป็นธรรม ทางใจที่คิดนึกก็เป็นธรรม เพราะฉะนั้นถ้าเป็นธรรมคือไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เรา แต่เป็นสภาพที่มีจริงแล้วก็เป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นจะฟังอีกเท่าไหร่ จะอ่านอีกเท่าไหร่ จะสนทนาธรรมอีกเท่าไหร่ก็เพื่อให้มีความมั่นคงที่จะเข้าใจว่าสภาพธรรมในขณะนี้เป็นธรรม เพราะเหตุว่าถ้าเราได้ยินคำว่าธรรม แล้วเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ไหนลักษณะยังไง เราก็อาจะจะอ่านตำรับตำรา แล้วก็คิดเรื่องธรรม แต่ไม่ได้รู้ลักษณะของธรรมที่กำลังปรากฏ เพียงสั้นๆ แล้วก็หมดไป เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าธรรมที่ทรงแสดงเป็นสิ่งที่มีจริง เพื่อให้คนฟังค่อยๆ เห็นประโยชน์ว่าการศึกษาทั้งหมดจะมากน้อยอย่างไรก็ตาม นานเท่าไหร่ก็ตาม กี่ภพกี่ชาติก็ตาม เพื่อรู้ลักษณะจริงๆ ของสิ่งที่ปรากฏจนกว่าจะมีความเข้าใจมั่นคงขึ้นว่าเป็นธรรมลักษณะต่างๆ ซึ่งปัญญาก็จะเจริญขึ้นจากการที่รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ จนกระทั่งสามารถที่จะทางตลอดการเกิดขึ้น และดับไปของสภาพธรรมในขณะนี้ได้ แต่ไม่มีหนทางอื่น แต่ต้องเป็นปัญญาของแต่ละบุคคลที่สะสมด้วยการฟัง การไตร่ตรอง และการเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 207


    หมายเลข 10695
    25 ม.ค. 2567