ความเข้าใจทั้งสองอย่างจะติดตามไปในภพต่อๆ ไปไหม


        ผู้ถาม เมื่อเวลาศึกษาธรรม ควรจะเข้าใจลักษณะมากกว่าจำชื่อใช่ไหม

        สุ. ต้องทราบจุดประสงค์ฟังธรรม คือเพื่อเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละทางให้ถูกต้อง

        ผู้ถาม ความเข้าใจในเรื่องราวของสภาพธรรมในขั้นการฟังกับความเข้าใจในขณะที่สติเกิด ความเข้าใจทั้งสองอย่างจะติดตามไปในภพต่อๆ ไปไหมถ้ามีโอกาสได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง

        สุ. แต่ละคำที่คุณประทีปกล่าวมาจากไหน ถ้าไม่มาจากการเกิดดับสืบต่อของจิตตั้งแต่แสนโกฏิกัปป์มาแล้ว แม้แต่ความคิดขณะนี้ก็มาจากแต่ละขณะซึ่งเกิดดับสืบต่อ ไม่มีอะไรที่พ้นไป ที่จะออกไปจากจิตได้เลยเพราะว่าจิตเป็นนามธรรม เป็นนามธาตุ สภาพธรรมใดที่เกิดแล้วดับไป เช่นนามธรรม โลภะเกิดแล้วดับไป จิตหนึ่งขณะที่ดับก็เป็นอนันตรปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อไม่มีระหว่างคั่น สะสมสืบต่อทุกอย่างที่มีในจิตแต่ละขณะ แล้วก็เมื่อได้ปัจจัยของสภาพธรรมใดที่จะเกิดขึ้น ก็เกิด นอนหลับสนิทไม่ได้มีความรู้สึกว่าต้องการอะไรเลยเพราะว่ากลับ อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏให้เห็นให้ได้ยิน แต่พอตื่น โลภะมาจากไหน โทสะมาจากไหน พระอรหันต์ดับ ตื่นขึ้นมีไหม โลภะ โทสะ อกุศลมีไหม ไม่มีเลย เพราะว่าดับหมดแล้ว เพราะฉะนั้นสภาพธรรมที่มีอยู่ก็เป็นธรรมที่มีกำลังที่จะทำให้สภาพธรรมนั้นๆ เกิดตามการสะสม เช่น โทสะ เกิดแล้วยังไม่ได้ดับไป หมายความว่าไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท ไม่ได้เกิดอีก แต่ๆ ละครั้งที่โทสะเกิด และดับ กำลังของโทสะที่เกิดแล้วดับก็สะสมสืบต่อเป็นอนุสัย เป็นปกตูนิสสยปัจจัย ไม่ว่าจะหลับ ตื่นขึ้นมาก็มีโทสะได้ ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็ตามที่ไม่ใช่พรหมโลก ก็ยังมีปัจจัยที่จะให้โทสะสะสมอยู่ในจิตเกิดอีกได้ นี่คือนามธาตุหรือนามธรรมซึ่งไม่มีรูปร่าง ไม่มีสัณฐาน ไม่ใช่ห้อง ไม่ใช่ห่อ ไม่ใช่อะไรที่จะเห็น แต่ว่าสะสมอยู่ในเนื้อของจิตหรือสภาพของจิตนั้นๆ เอง

        ผู้ถาม ในขณะที่เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมซึ่งเป็นนามธรรมลักษณะอย่างนี้ เมื่อไปเกิดในภพภูมิใดก็ตาม ก็สะสมสืบต่อ ในขณะที่ผมจำพระธรรมที่มีชื่ออย่างนี้เช่น โลภมูลจิตมี ๘ ดวง

        สุ. แล้วเดี๋ยวนี้เป็นดวงไหน

        ผู้ถาม ถ้าเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมกับจำชื่อของสภาพธรรม สิ่งที่สืบต่อในภพต่อๆ ไปน่าจะเป็นไปในลักษณะใด

        สุ. ชาตินี้คุณประทีปจำชื่อธรรม เรื่องราวธรรม ภาษาอะไร

        ผู้ถาม ภาษาไทย

        สุ. และชาติหน้าเกิดที่ไหนยังจำภาษาไทยนี้ได้หรือเปล่า ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละภพแต่ละชาติว่าจำอะไร ทางทวารไหน แต่ลักษณะของสภาพธรรมมีจริงๆ ถ้าเริ่มเข้าใจขึ้นจึงสามารถที่จะรู้ประจักษ์เพราะเหตุว่าไม่มีอะไรปิดกั้น สามารถที่จะละความยินดียินร้ายในสภาพธรรมที่ปรากฏได้ มิฉะนั้นถ้าไม่มีการสะสมสืบต่อของจิตแต่ละขณะ จะไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจากที่ได้ทรงรับคำพยากรณ์ซึ่งก่อนนั้นก็เป็นพระชาติต่างๆ จนกระทั่งถึงกาลที่จะตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงตรัสรู้จากการสะสมที่มีอยู่ในจิตแต่ละขณะ เพราะฉะนั้นแต่ละบุคคลก็ต่างกันไป แต่ความจริงก็คือจิต ๑ ขณะที่เกิดดับไปก็ทำให้ขณะต่อไปเกิดสืบต่อสะสมทุกสิ่งทุกอย่างจากจิตขณะที่ดับไปสืบต่อไปเรื่อยๆ

        ผู้ถาม ถ้าอย่างนั้นเวลาที่ผมโกรธแล้วคิดว่าอย่าไปโกรธเลย ความโกรธไม่ดีอะไรต่ออะไร นี่ก็ไม่ใช่ลักษณะของสภาพธรรม

        สุ. คิดไม่ใช่ธรรมหรือคะ

        ผู้ถาม คิดก็เป็นธรรม เป็นเรื่องราว

        สุ. เรื่องราวก็เป็นคำที่จำ และก็พูดตามความจำ ถ้าจำคำนั้นไม่ได้ก็พูดไม่ออก เป็นคำนั้นไม่ได้

        ผู้ถาม สิ่งที่ควรเข้าใจก็คือจิตที่คิดไม่ใช่เรื่องราว

        สุ. สิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏเป็นธรรมแต่ละลักษณะ มีจริงๆ จึงมีลักษณะเฉพาะของแต่ละธรรมนั้นๆ ไม่ปะปนกันที่จะรู้ว่าไม่ใช่เราก็คือต้องเข้าใจลักษณะที่มีจริงๆ

        ผู้ถาม แต่เวลาที่มีเหตุการณ์เฉพาะหน้าก็มักจะมีเรื่องราวมากกว่าที่จะนึกถึงจิตที่กำลังคิดถึงเรื่องราว

        สุ. คิดถึงเหตุการณ์เฉพาะหน้าความจริงทั้งโลก ทุกชาติ ก็มี ๖ ทางที่เกิดสืบต่อ ชาตินี้เป็นเรื่องอย่างนี้ เมื่อวานนี้เป็นเรื่องอย่างหนึ่ง วันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง พรุ่งนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ละวันแต่ละขณะก็สืบต่อทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 206


    หมายเลข 10685
    25 ม.ค. 2567