หลากหลายไปตามกรรม


        การเกิดในภพภูมิต่างๆ มีรูปร่าง มีสุข มีทุกข์หลากหลายแตกต่างกันไป และต้อง อยู่ในอัตภาพนั้นต่อไป ก็เพราะกรรมที่ได้กระทำไว้แล้ว และการให้ผลของกรรม ก็ขึ้นกับฐานะคือปัจจัยต่างๆ อีกด้วย ได้แก่ ความสมบูรณ์หรือบกพร่องของร่างกาย กาลสมัย และความรู้ความสามารถความพากเพียร


        เมื่อมีสภาพธรรมะที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยเป็นสิ่งที่มีชีวิตต้องเกิดจากกรรม คือการกระทำที่ได้กระทำไว้แล้ว มีทั้งกุศลกรรม กรรมดี ซึ่งก็ต้องให้ผลดี คือเกิดดี เห็นดี ได้ยินดี ได้กลิ่นดี ลิ้มรสดี รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสดี เพราะเกิดมาทุกชาติก็เห็น ก็ได้ยิน และก็ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เลือกไม่ได้ จะทุกข์กาย สุขกาย วันไหนอย่างไร จะเห็นอะไร ที่น่าพอใจ ไม่พอใจ ไม่มีใครเลือกได้สักคนเดียว ความจริงนี้ต้องเข้าใจก่อน

        เพราะฉะนั้นการเกิด ก็เกิดหลากหลายมาก เกิดเป็นคนมี มั่งมี เพียบพร้อมด้วยสิ่งที่น่าพอใจ ทั้งบ้าน ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ทรัพย์สินเงินทองมาจากไหน ทุกคนก็อยากเป็นอย่างนี้ แต่บางคนก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้ ที่ทุกข์ลำบากสาหัสก็มี บ้านก็ไม่มี อาหารก็ไม่มี ที่อยู่ที่อาศัยอะไรก็ไม่มี วันก่อนก็ดูรายการโทรทัศน์ที่เขาไปสัมภาษณ์เด็กจรจัด เด็กคนนี้ทั้งๆ ที่เป็นเด็กจรจัดก็ยังมีเสื้อผ้าใส่ แสดงให้เห็นว่าอย่างไร อย่างน้อยเกิดมามีเสื้อผ้า ทุกคนก็เห็นนุ่งห่มกันตามปกติ แต่สิ่งที่จะได้พบ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็น้อยกว่ากัน มากกว่ากัน แล้วแต่ขณะนั้นอะไรจะเกิดขึ้น นี่ก็คือคนซึ่งหลากหลาย หลากหลายไปจนกระทั่งชีวิตของสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นปลาในน้ำก็มี เป็นลิง เป็นงู เป็นนก เป็นกบ ได้หมด ใครทำ รูปร่างหลากหลายมาก แม้ว่าจะเกิดเหมือนกันก็ต่างกัน คนก็เป็นคนด้วยกัน แต่หน้าตาต่างกัน ผิวพรรณต่างกัน ตาก็มีตั้งหลายสี สีดำก็มี สีเทาก็มี สีฟ้าก็มี ใครทำ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นคำตอบที่ถูกต้องก็คือ ไม่มีใครทำได้ แต่ว่ามีการกระทำกรรม ความจงใจความตั้งใจที่เกิดแล้ว ทำแล้ว เป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง แม้ดับไปแล้วแต่ก็ทำให้เกิดรูป แล้วแต่ว่าจะเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดเป็นเปรต เกิดในนรก หรือว่าเกิดเป็นเทพหลากหลายมาก แต่เราก็คิดแต่เฉพาะมนุษย์กับสัตว์ เช่น สัตว์ไม่มีเงินก็อยู่ได้ใช่ไหมคะ แล้วลองคิดถึงมนุษย์เกิดแล้วตายได้ไหม ถ้าไม่อยากตาย แล้วก็ต้องอยู่ ไม่มีทางที่จะตายได้เลย แต่ทั้งๆ ที่อยากอยู่ไม่อยากตายเลยก็ตาย เมื่อถึงเวลาที่ต้องตาย

        เพราะฉะนั้นทุกอย่างแม้เกิด แม้ตายก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย ไม่ต้องกล่าวถึงเห็น ได้ยิน เป็นต้น เพราะฉะนั้นคนเกิดมาแล้ว ต้องต่างกับสัตว์ เพราะเหตุว่าสัตว์อยู่ได้ ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่ต้องใส่เสื้อผ้า ไม่ต้องทำอาหาร แต่สัตว์ก็มีชีวิตตามแบบที่จะต้องอยู่อย่างนั้นจนกว่าสิ้นสุดกรรมที่ทำให้เป็นสัตว์แต่ละประเภทฉันใด มนุษย์เกิดมาแล้วไม่ว่าจะยากไร้สักเท่าไหร่ก็ต้องอยู่ ถ้ากรรมยังไม่สิ้นสุด ก็ยังจากโลกนี้ไปไม่ได้ แต่ว่าจะอยู่อย่างไร

        เราคิดถึงเงินว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในความคิดของเรา แต่ถ้าเข้าใจว่าอะไรเป็นเหตุที่จะให้ได้มา รูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะที่ดีๆ เพราะมีเงินที่จะได้มา แต่ถึงไม่มีเงินก็ต้องอยู่ไป แต่จะอยู่อย่างยากไร้เพียงใดก็แล้วแต่

        ข้อความในพระไตรปิฏกกล่าวถึงขอทานโรคเรื้อน ไม่ใช่เป็นเพียงขอทานนะคะ ลองคิดว่าขอทานมีเงินไหม แต่ตายได้ไหม ต้องอยู่ ตามบุญตามกรรมไม่มีทางที่จะตายไปเลย แต่เด็กเกิดมาอาจจะเป็นลูกเศรษฐีเพียงแค่ ๓ วัน ตายได้ไหมเมื่อกรรมสิ้นสุดที่จะไม่ให้เป็นคนนั้นอีกต่อไป เพราะฉะนั้นทุกสิ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจบัญชาของใครเลย เกิดแล้วจะยาก ดี มี จน ก็ต้องอยู่ตามบุญตามกรรม ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไม่ต้องคำนึงถึง ยาก ดี มี จน แต่ก็ต้องอยู่ไปจนกว่าจะสิ้นกรรมที่ทำให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน

        เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงคนในโลกนี้เกิดมาแล้วเป็นคนยากไร้มาก ทุกคนก็อยากจะมีสิ่งที่น่าพอใจทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และเราคิดว่าจะได้มาอย่างไร บางคนนะคะ มีการอาชีพซึ่งก็ไม่ได้ทำให้มั่งมี แต่ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง ๔๐ ล้าน อาจจะถึง ๗๐ ล้าน ๘๐ ล้าน มาจากไหน แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลานั้นก็ไม่มีทางที่จะได้สิ่งต่างๆ ที่ตนเองปรารถนาเป็นสิ่งที่น่าพอใจ เพราะฉะนั้นถ้าจะรู้ความจริงก็คือว่า ต้องมีเหตุปัจจัยที่เมื่อสิ่งที่มีชีวิตเกิดมาเป็นสัตว์บุคคลต่างๆ กันแล้ว ต้องเป็นไปตามบุญกรรม ความจริงนี้แน่นอน

        เพราะฉะนั้น เท่าที่ดูก็จะเห็นว่า แม้แต่เป็นคนจนมากในพระไตรปิฎก ขอทานจะกินข้าวก็ต้องไปหาเศษอาหาร อาจจะอยู่ในน้ำก็ไปเลือกมา กว่าจะได้แต่ละมื้อ จนไหมลำบากไหม แต่ก็ต้องอยู่ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่าถ้าคิดถึงเหตุที่ทำให้เกิดต่างกัน และก็รู้ว่าแม้เป็นมนุษย์ทุกคนก็อยากจะมั่งมีศรีสุข มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการทแต่จะมีหรือไม่มี ใครบันดาลได้ ถึงได้มาเป็น ๑๐ ล้าน บางคนก็หมดเลย หมดไปกับเพื่อนฝูงบ้าง อะไรบ้าง หลายๆ อย่าง ก็ไม่เหลือเลย เพราะฉนั้นก็กลับเป็นเหมือนเดิม

        เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างให้ทราบเหตุที่จะทำให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเกิดในสวรรค์ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องคนจนคนรวยเลย บนสวรรค์ขอทานก็ไม่มี เพราะมีสมบัติทิพย์ของตนตามกำลังที่ได้ทำแล้ว มีรัศมีรุ่งเรือง มีเพชรนิลจินดาต่างๆ ได้มาอย่างไร พร้อมเกิด นี่ก็แสดงให้เห็นถึงกรรมที่จะทำให้เกิดต่างกัน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตต่างกัน ด้วยเหตุที่ต่างกัน

        เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องที่สะสมมา เราจะไม่รู้ถึงอดีตกรรมที่ได้ทำมาแล้ว ชาตินี้อาจจะเกิดเป็นคนสวย มีเงิน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แสนสุขแสนสบาย แล้วชาติหน้าไปไหน ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ เพราะเหตุว่าใครจะรู้ถึงกรรมที่ได้ทำแล้ว แต่ชาตินี้เราสามารถที่จะรู้เรื่องกรรมที่ตนเองได้กระทำ แต่ว่าเลือกไม่ได้เลยว่ากรรมใดจะให้ผล ถ้าเป็นกรรมที่กำลังฟังธรรมขณะนี้แล้วเข้าใจ เกิดดีแน่ แล้วก็มีสติปัญญาด้วย เพราะว่ามีความเข้าใจสะสมมาแล้ว เพราะฉะนั้นแต่ละคน ให้ทราบว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่หมายความว่าจะต้องเหมือนกัน สัตว์เดรัจฉานอยู่อย่างสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ก็อยู่อย่างมนุษย์ เทวดาเทพก็อยู่อย่างเทพ สัตว์ในนรกก็อยู่อย่างสัตว์ในนรก แต่มนุษย์ขวนขวายแสวงหาสิ่งที่ต้องการ แต่ว่าจะได้หรือไม่ได้ ก็แล้วแต่เหตุที่ได้กระทำไว้

        เพราะฉะนั้น บางคนจะเห็นได้นะคะ ร้านอาหาร ๒ ร้านอยู่ติดกันเลย ร้านหนึ่งมีคนเข้า อีกร้านหนึ่งไม่มีเลย และบางคน เขาก็เห็นตรงนี้เป็นทำเลที่ดี ก็ทำบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนคนที่ทำอยู่แล้ว นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าเข้าใจถึงแม้หนึ่งขณะจิตที่เกิดขึ้น ต้องมีเหตุที่ละเอียดมาก ขณะนี้ตาดี แต่เคยได้ข่าวคนตาบอดไหมคะ อยู่ดีๆ ก็เกิดตาบอด ต้องรักษาด้วยราคาที่แพงมาก ต้องฉีดยาถึงเข็มละ ๗๐,๐๐๐บาท แต่ก็ต้องเจ็บมากทรมานมาก แล้วก็ไม่รู้ว่าวันไหนจะมองเห็น หรือจะมองไม่เห็น ถึงเป็นเศรษฐีมั่งมีก็ตาม แต่ก็ไม่พ้นกรรมที่ได้กระทำแล้ว

        เพราะฉะนั้นเหตุสำคัญกว่า เพราะเหตุว่าแม้แต่เป็นกรรมที่ได้กระทำแล้วมีจริง แต่ต้องพร้อมด้วยฐานะสิ่งที่สามารถที่จะเป็นเหตุให้กรรมนั้นให้ผลได้ เช่น ต้องเกิดเป็นคนไม่พิการ ต่างกันแล้วใช่ไหม คนพิการจะศึกษาให้เท่ากับคนที่ไม่พิการ มีการงานอาชีพก็เป็นไปไม่ได้

        การที่มีรูปร่างสวยกับการที่มีรูปร่างไม่สวยก็ให้ผลต่างกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีนางงามจักรวาลซึ่งเดิมทีก็ไม่ได้มีทรัพย์สินอะไร แต่เพราะเหตุว่ารูปร่าง อุปธิ การเกิดขึ้นมาทำให้พิเศษกว่า ก็เป็นที่นำมาซึ่งกรรมในอดีตที่สามารถจะให้ผลก็ต้องประกอบด้วยเครื่องประกอบที่ต้องใช้คำว่าฐานะที่กรรมที่ได้กระทำแล้วสามารถจะให้ผลได้ ก็ต้องประกอบด้วยกาลสมัย หรือว่าการเกิดขึ้นมาพิการ หรือว่าสวยงามรูปร่างต่างๆ ยังต้องประกอบด้วยความรู้ความสามารถ และยังต้องประกอบด้วยความเพียรที่สมควร ไม่ใช่เกิดมาแล้วไม่ทำอะไรเลย ตั้งหลายคนในครั้งอดีตครั้งสมัยพุทธกาล ลูกเศรษฐี ภายหลังก็เป็นขอทาน ภายหลังก็ถูกประหารชีวิต นี่ก็แล้วแต่กรรมจริงๆ เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นสัตว์โลก ภพไหน ภูมิไหน แล้วแต่กำเนิด ซึ่งเป็นไปตามกรรม ก็อยู่กันตามฐานะ จะตัดเสื้อสวยๆ ไปให้งูใส่ งูก็ไม่ต้องการเลยสักนิดเดียวใช่ไหมคะ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเกิดมาอย่างไรก็เป็นไปตามฐานะ แต่ถ้าเกิดเป็นมนุษย์สามารถที่จะได้ฟังธรรมได้เข้าใจธรรม ได้ประกอบการอาชีพ ได้ทำอะไร เพราะฉะนั้น ก็เป็นฐานะที่จะทำให้กรรมในอดีตที่ได้กระทำแล้ว และสามารถที่จะให้ผลได้


    หมายเลข 10527
    9 ก.พ. 2567