การที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมไม่ใช่เพียงอ่าน


        วิ. มีความรู้สึกว่าการล่อลวงมีส่วนทั้งที่ละเอียดยิ่งขึ้น ถ้าปัญญาไม่ถึงระดับจะรู้สึกตัวขณะนั้นก็ไม่มีทางจะรู้เลย

        สุ. ถูกต้อง เพราะฉะนั้นโลภะติดข้องเพราะมีโมหะความไม่รู้ ก็ลวงให้อยู่ในสังสารวัฏ ไม่ให้ออกไปได้เลย ลวงจนกระทั่งให้อบรมจนถึงขั้นเนวสัญญานาสัญญานัญญายตนะ เพราะเห็นกุศลก็มีต่างระดับขั้น กุศลขั้นกามาวจรสั้นมากเป็นไปในทานชั่วขณะ ในศีลชั่วขณะ แล้วก็มีสิ่งที่ปรากฏทางตาทางหูเกิดสลับขั้น ไม่ใช่เป็นความสงบที่มั่นคงจริงๆ เพราะฉะนั้นผู้ที่รู้อย่างนี้ และก็มีปัญญารู้ว่าจะอบรมเจริญความสงบที่เป็นขั้นกุศลได้อย่างไร ก็อบรมจนกระทั่งถึงอัปปนาสมาธิเป็นกุศลตลอด สงบตลอดจนถึงอัปปนาสมาธิ นี่เป็นความละเอียดถ้าจะไม่ถูกลวงก็คือว่าศึกษาให้เข้าใจจริงๆ โดยละเอียด และโดยเฉพาะในเรื่องของการที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมซึ่งจะต้องรู้ว่าไม่ใช่การที่คนหนึ่งคนใดเพียงอ่าน และก็สามารถที่จะไปทำอะไรก็ตามด้วยการไม่เข้าใจจริงๆ ในลักษณะของสภาพธรรม ด้วยเหตุนี้ก็ลวงเป็นลำดับ

        ขอเพิ่มเติมนิดหนึ่งเพราะอาจจะทำให้สับสน สังขารุเปกขาญาณของสมถะไม่ใช่สังขารุเปกขาญาณของวิปัสสนา ต้องเข้าใจด้วย มิฉะนั้นพอได้ยินชื่อสังขารุเปกขาญาณ ก็คิดว่าขณะที่กำลังจะเป็นอัปปนาสมาธินั่นเป็นสังขารุเปกขาญาณของวิปัสสนา ไม่ใช่ ต้องแยกกัน จะเห็นได้ว่าเพียงชื่อ ใช้ชื่อเดียวกัน แต่ว่าความเข้าใจอรรถของคำต้องต่างกันด้วย

        ที่มา ...

        พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 199


    หมายเลข 10519
    25 ม.ค. 2567