ระดับของความผูกพัน


        ผู้ฟัง บุคคลหนึ่งบุคคลใดที่ปรากฏ ไม่มีความรู้สึกผูกพัน ก็เหมือนกับเราเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหมือนมองภาพๆ หนึ่งแล้วก็ผ่านไป แต่ว่าบุคคลนั้นเกี่ยวพันกับเรา เช่น เป็นแม่ ความผูกพันจะเหนียวแน่น เป็นสภาพจิตคนละอย่างกัน

        ท่านอาจารย์ เป็นสภาพจิตแต่ละหนึ่ง ไม่กลับมาอีกเลย แต่ถ้ารู้จริงๆ ถึงความละเอียดอย่างยิ่งของธรรมะ แม้แต่ระดับของความผูกพันแต่ละขณะก็ต่างกัน แต่ถ้าจะพิจารณาโดยละเอียด อย่างคิดถึงคุณแม่ แต่ละครั้ง ระดับความผูกพันต่างกันทุกขณะ ไม่ซ้ำกันเลย จะเอาอะไรมาช่าง มาวัด แต่ว่าขณะนั้นจะรู้ได้

        ผู้ฟัง ไม่ได้เห็นภาพก็คิดได้

        ท่านอาจารย์ ก็คิด และความผูกพันขณะที่คิดก็ยังต่างกันทุกขณะที่คิด ไม่มีซ้ำกันเลยสักขณะเดียว ยิ่งเห็นความไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพียง ๑ ขณะที่มีปัจจัยเกิดแล้วดับ แล้วอีกขณะหนึ่งก็ต่างกันไปๆ ๆ ไม่ซ้ำกันเลย สิ่งที่ปรากฏทางตาดับไหม แม้แต่การเห็นก็ดับด้วย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตากับการเห็นใหม่ต่างกับเก่าไหม

        ผู้ฟัง แม้จิตขณะหนึ่งที่เกิดขึ้น ทั้งความผูกพัน ความยึดมั่นก็เกิดเพียงขณะเดียว แล้วก็หมดไป แล้วไม่หวนกลับมาอีก

        ท่านอาจารย์ คิดถึงคุณแม่ตอนไม่ง่วง กับคิดถึงคุณแม่ตอนง่วง ต่างกันไหมคะ

        ผู้ฟัง ก็คนละขณะ

        ท่านอาจารย์ ค่ะ คนละขณะ แต่ต่างกันไหม คิดถึง โลภะ ผูกพัน คิดถึงคุณแม่ตอนไม่ง่วง สมัยโน้นสนุกสนาน ไปเที่ยวที่ไหน และคิดถึงคุณแม่ตอนง่วงๆ จะเหมือนกันไหม

        อ.ธิดารัตน์ ต่างกันโดยขณะ และต่างกันโดยกำลังของโลภะ

        ท่านอาจารย์ และความผูกพันขณะง่วงกับไม่ง่วงต่างกันไหม

        ผู้ฟัง แต่จริงๆ แล้วขณะจิตก็คนละขณะ

        ท่านอาจารย์ ถูกต้องค่ะ ไม่ซ้ำกันด้วย

        ผู้ฟัง ขณะง่วงกับขณะคิดถึงคุณแม่ก็คนละขณะ

        ท่านอาจารย์ แต่คิดถึงกำลังง่วงได้ไหม หรือกำลังง่วงห้ามคิด

        อ.ธิดารัตน์ ที่ท่านอาจารย์ยกตัวอย่าง โลภะเกิดร่วมกับถีนมิทธะ ตามหลักการก็มีกำลังอ่อน

        ท่านอาจารย์ แม้แต่พระพุทธคุณ ตอนไม่ง่วงกับตอนง่วง เหมือนกันไหม


    หมายเลข 10308
    31 ธ.ค. 2566